การใช้โซเชียลมีเดีย และสุขภาพจิต
คนเราใช้เวลาส่วนมากไปกับโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram หรือ TikTok โดยทุกวันนี้มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียมากกว่า 3.8 ล้านคนในโลก ข้อมูลจากองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD พบว่าส่วนใหญ่คนเราใช้เวลาโดยเฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อวันบนโซเชียลมีเดีย
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการใช้โซเชียลมีเดียมีผลต่อสุขภาพจิตที่แย่ลง
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ทำในมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียพบว่า เมื่อแบ่งนักศึกษาออกเป็น 2 กลุ่ม (กลุ่มหนึ่งสามารถใช้งานโซเชียลมีเดียเช่น Facebook, Snapchat, Instagram ได้ตามปกติ แต่อีกกลุ่มจะถูกจำกัดการใช้งานเพียง 10 นาทีต่อแพลทฟอร์มต่อวัน) กลุ่มนักศึกษาที่ถูกจำกัดการใช้งานโซเชียลมีเดียมีรายงานว่ามีภาวะที่รู้สึกเหงาและซึมเศร้าลดลงหลังจากผ่านไป 3 สัปดาห์
อีกหนึ่งงานวิจัยที่ทำเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียกับบุคคลที่อายุระหว่าง 19-32 ปี พบว่าบุคคลที่เข้าใช้ Facebook, Twitter, YouTube และ LinkedIn มากกว่า 58 ครั้งต่อสัปดาห์ มีแนวโน้มที่จะเกิดความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวมากกว่าถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้งานโซเลียลมีเดียน้อยกว่า 9 ครั้งต่อสัปดาห์ ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า ความถี่ของการเข้าใช้โซเชียลมีเดีย มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตมากกว่าระยะเวลาที่ใช้งานบนแต่ละแพลทฟอร์ม
การใช้โซเชียลมีเดีย จะมีผลต่อสุขภาพจิตของวัยรุ่นมากที่สุด โดยเฉพาะกับวัยรุ่นหญิง การศึกษาในลอนดอนพบว่า การเข้าใช้โซเชียลมีเดียบ่อย ๆ มีความเกี่ยวข้องกับการมีปัญหาสุขภาพจิตที่มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการถูกข่มเหงรังแกทางออนไลน์ การนอนหลับพักผ่อนได้น้อยลง และการมีกิจกรรมทางกายลดลง และจะเป็นเช่นนี้ในวัยรุ่นหญิงมากกว่าวัยรุ่นชาย การศึกษาอีกชิ้นก็พบว่าวัยรุ่นหญิงในอายุ 14 ปีจะมีอาการของโรคซึมเศร้ามากขึ้นด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับวัยรุ่นชาย เนื่องจากการใช้โซเชียลมีเดียที่ถี่ขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับการคุกคามกันทางโลกออนไลน์ การอดนอน รวมทั้งการเห็นคุณค่าของตนเองน้อยลง และการดูถูกและล้อเลียนรูปร่างอีกด้วย
นอกจากนั้น โซเชียลมีเดียยังมีผลโดยตรงต่อสมองของเรา ตามที่กล่าวไว้ในวีดีโอนี้ด้วย
แต่นั่นหมายความว่าโซเชียลมีเดียทั้งหมด มีแต่เรื่องแย่ ๆ รึเปล่า
ความจริงแล้ว ไม่ใช่เลย ดังที่เราได้เห็นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส การใช้โซเชียลมีเดียสามารถส่งผลดีต่ออารมณ์และความเป็นอยู่ของผู้คน เพราะโซเชียลมีเดียคือช่องทางหลักที่ทำให้เราได้ติดต่อสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ และครอบครัว ไม่ว่าพวกเค้าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่มีค่ามากเมื่อเราต้องอยู่แต่ในบ้านและมีข้อจำกัดในการเดินทางมากมาย นอกจากนั้น โซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางให้เราได้แสดงออกถึงความคิดริ่เริ่มสร้างสรรค์ และค้นพบคนอื่นอีกมากมายที่อาจจะมีความสนใจ งานอดิเรก หรือมีความเชื่อที่เหมือนกับเรา
โซเชียลมีเดียแพลทฟอร์มอย่าง TikTok ยังถูกใช้ในการให้คำปรึกษาปัญหาทางด้านสุขภาพจิต เรื่องทางเพศ หรือเรื่องอื่น ๆ ที่สร้างความรู้สึกไม่มั่นใจ ซึ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้คนด้วยการที่รู้ว่าพวกเค้าไม่ได้มีปัญหาอยู่เพียงคนเดียว จิตแพทย์ยังได้ใช้ TikTok ในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจิตให้กับผู้คน เพื่อเป็นการให้ความรู้และทำให้รู้ว่าปัญหาทางสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องน่าอาย
เมื่อพูดถึงปัญหาทางสุขภาพจิตจากการใช้โซเชียลมีเดีย จะเกี่ยวพันกับเรื่องของความถี่ของการเข้าใช้มากกว่าการใช้งานโดยทั่ว ๆ ไป การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าการใช้โซเชียลมีเดียเป็นประจำมีผลดีต่อความเป็นอยู่ทางสังคม สุขภาพจิต และสุขภาพกาย อย่างไรก็ตาม ผลร้ายก็มีเช่นเดียวกัน เมื่อการใช้โซเชียลมีเดียเชื่อมโยงกับเรื่องอารมณ์ (เช่น การเช็คในแอพบ่อย ๆ เพราะความกลัวว่าจะตกกระแสหรือพลาดอะไรไป หรือเพราะรู้สึกขาดการติดต่อสัมพันธ์กับเพื่อน เมื่อไม่ได้อยู่บนโซเชียลมีเดีย)
ดังนั้น แทนที่เราจะเลิกใช้โซเชียลมีเดียไปเลย เราควรที่จะระวังเรื่องการเข้าใช้โซเชียลมีเดียว่าบ่อยครั้งแค่ไหน และควบคุมตนเองในการใช้โซเชียลมีเดียอย่างเหมาะสมเพื่อให้เรามีความสุขที่สุดจะดีกว่า
อ้างอิง:
-
Chaffey D. Global social media research summary 2020. Smart Insights [Internet]. 2020 [cited 1 June 2020];. Available from: https://www.smartinsights.com/social-media-marketing/social-media-strategy/new-global-social-media-research/
-
Ortiz-Ospina E. The rise of social media. Our World in Data [Internet]. 2019 [cited 1 June 2020];. Available from: https://ourworldindata.org/rise-of-social-media
-
Walton A. New Studies Show Just How Bad Social Media Is For Mental Health. Forbes [Internet]. 2018 [cited 1 June 2020];. Available from: https://www.forbes.com/sites/alicegwalton/2018/11/16/new-research-shows-just-how-bad-social-media-can-be-for-mental-health/#70d456e37af4
-
Mir E, Novas C. Social Media and Adolescents’ and Young Adults’ Mental Health. National Center for Health Research [Internet]. [cited 1 June 2020];. Available from: http://www.center4research.org/social-media-affects-mental-health/.
-
Viner R, Gireesh A, Stiglic N, Hudson L, Goddings A, Ward J et al. Roles of cyberbullying, sleep, and physical activity in mediating the effects of social media use on mental health and wellbeing among young people in England: a secondary analysis of longitudinal data. The Lancet Child & Adolescent Health [Internet]. 2019 [cited 1 June 2020];3(10):685-696. Available from: https://www.thelancet.com/journals/lanchi/article/PIIS2352-4642(19)30186-5/fulltext
-
Kelly Y, Zilanawala A, Booker C, Sacker A. Social Media Use and Adolescent Mental Health: Findings From the UK Millennium Cohort Study. EClinicalMedicine [Internet]. 2018 [cited 1 June 2020];6:59-68. Available from: https://www.thelancet.com/journals/eclinm/article/PIIS2589-5370(18)30060-9/fulltext
-
Robinson L, Smith M. Social Media and Mental Health. HelpGuide [Internet]. 2020 [cited 1 June 2020];. Available from: https://www.helpguide.org/articles/mental-health/social-media-and-mental-health.htm
-
Ao B, Silverman E. Teens are using TikTok to talk about mental health, relationship abuse, and sexuality. The Star [Internet]. 2020 [cited 1 June 2020];. Available from: https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2020/01/06/teens-are-using-tiktok-to-talk-about-mental-health-relationship-abuse-and-sexuality
-
Montemayor C. How Therapists Are Using TikTok to Reach Teens & Talk Mental Health. SheKnows [Internet]. 2020 [cited 1 June 2020];. Available from: https://www.sheknows.com/health-and-wellness/articles/2240591/tiktok-mental-healthcare-therapy/
-
Roeder A. Social media use can be positive for mental health and well-being. Harvard TH Chan School of Public Health [Internet]. 2020 [cited 1 June 2020];. Available from: https://www.hsph.harvard.edu/news/features/social-media-positive-mental-health