เลือกภาษา
close
การทำประกันสุขภาพมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากมาย
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

7 คำถามยอดฮิตควรรู้ ก่อนทำประกันสุขภาพครั้งแรก !

เคยเป็นกังวลกันไหม ? ว่าถ้าหากวันหนึ่งเกิดเจ็บป่วยขึ้นมากะทันหัน แล้วต้องนอนโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายจะพุ่งสูงเท่าไร  ? หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เงินเก็บที่มีจะเพียงพอต่อการรักษาตัวหรือไม่ ? ถึงแม้จะเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนอาจมองว่าไกลตัว แต่เรื่องของสุขภาพไม่มีอะไรแน่นอน  สำหรับคนที่อยากทำประกันสุขภาพให้ตัวเองเป็นครั้งแรก เพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องของค่าใช้จ่ายเมื่อเจ็บป่วย แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร หรือต้องเลือกแบบไหนดี เรามีเทคนิคการเลือกประกันสุขภาพที่ “ใช่” มาบอกต่อ

เพราะในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกปี การมีประกันสุขภาพจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้คุณวางแผนชีวิตได้อย่างมั่นใจ อย่างไรก็ตามด้วยตัวเลือกที่มีมากมายทั้งแผนประกัน เงื่อนไขความคุ้มครอง และราคาที่แตกต่างกัน จึงทำให้หลายคนรู้สึกสับสนและไม่กล้าตัดสินใจว่าจะเลือกทำประกันสุขภาพอย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุด

 

7 คำถามฮิตที่เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพ ที่มือใหม่ต้องรู้ !

1. ต้องตรวจสุขภาพก่อนทำประกันทุกครั้งจริงหรือ ?

เรื่องการตรวจสุขภาพก่อนทำประกันมักเป็นประเด็นที่หลายคนสงสัย แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าการทำประกันสุขภาพทุกกรณีจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะนโยบายของแต่ละบริษัทประกันภัยและจำนวนเงินเอาประกันภัยที่คุณเลือก
สำหรับแผนประกันสุขภาพที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยไม่สูงมากนัก บริษัทประกันภัยมักใช้วิธีการประเมินความเสี่ยงผ่านการให้ผู้ขอเอาประกันภัย ตอบแบบสอบถามสุขภาพ ซึ่งจะมีคำถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพหรือการเจ็บป่วย โรคประจำตัว และพฤติกรรมต่าง ๆ แต่หากคุณเลือกแผนประกันที่มีความคุ้มครองสูง เช่น จำนวนเงินเอาประกันภัยที่มีความคุ้มครองตั้งแต่หลักล้านบาทขึ้นไป บริษัทประกันภัยอาจกำหนดให้ต้องตรวจสุขภาพก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยงและกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครองที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านอายุก็มีผลต่อการพิจารณาเช่นกัน ผู้ขอเอาประกันภัยที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีโรคประจำตัว หรือบุคคลในครอบครัวมีโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม อาจจำเป็นต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อนทำประกัน เพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ

2. มีโรคประจำตัวแล้ว ทำประกันได้ไหม ?

หลายคนที่มีโรคประจำตัวมักกังวลว่าจะไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ แต่ความจริงแล้ว การมีโรคประจำตัวไม่ได้หมายความว่าคุณจะถูกปฏิเสธการทำประกันเสมอไป อีกทั้งบริษัทประกันภัยในปัจจุบันมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการพิจารณารับประกันผู้ที่มีโรคประจำตัว
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว บริษัทประกันภัยจะพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างละเอียด เช่น ชนิดของโรค ระดับความรุนแรง การควบคุมอาการ และประวัติการรักษา บางบริษัทประกันภัยอาจมีการกำหนดระยะเวลารอคอย (Waiting Period) หรือในบางกรณี บริษัทประกันภัยอาจยกเว้นความคุ้มครองเฉพาะโรคที่เป็นอยู่ แต่ยังให้ความคุ้มครองการเจ็บป่วยอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรเตรียมใจว่าค่าเบี้ยประกันภัยอาจสูงกว่าปกติ เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และอาจต้องเลือกแผนประกันสุขภาพที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวโดยเฉพาะ ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยหลายแห่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ

3. มีประกันสุขภาพแบบไหนให้เลือกบ้าง ?

ตลาดประกันสุขภาพในปัจจุบันมีความหลากหลายมาก เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค โดยประกันสุขภาพหลัก ๆ ที่เรามักพบเห็นในตลาดมีดังนี้

  • ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมาก เพราะให้ความคุ้มครองตามแผนประกันที่เลือก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรายการค่าใช้จ่ายย่อย ๆ เช่น หากแผนประกันที่เลือกมีความคุ้มครอง 1 ล้านบาทต่อปี คุณสามารถใช้วงเงินนี้ได้เต็มที่ตามความจำเป็นในการรักษา

  • ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน (IPD) คุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล รวมถึงค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด และค่ายา แผนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในกรณีเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

  • ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD) จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับการพบแพทย์ทั่วไปโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องพบแพทย์บ่อย ๆ หรือมีโรคที่ต้องติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีประกันสุขภาพแบบครอบคลุมทั้ง IPD และ OPD ซึ่งให้ความคุ้มครองครอบคลุมแต่ค่าเบี้ยประกันภัยสูงกว่า และประกันสุขภาพแบบเฉพาะโรคร้ายแรง ที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะโรคที่กำหนด เช่น มะเร็ง หัวใจ หรือเบาหวาน

 

สิ่งที่ควรรู้เมื่ออยากทำประกันสุขภาพให้ตัวเอง

 

4. เลือกความคุ้มครองเท่าไรถึงจะพอ ?

การเลือกวงเงินความคุ้มครองที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยต้องคำนึงถึงหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน ได้แก่
ประการแรกคือค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยในพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ เพราะค่ารักษาพยาบาลในแต่ละพื้นที่อาจมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะระหว่างกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัด
ปัจจัยต่อมาคือโรงพยาบาลที่คุณต้องการใช้บริการ เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในเมืองใหญ่มักมีค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าโรงพยาบาลทั่วไป หากคุณต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกสถานพยาบาล ควรเลือกความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับความต้องการ
ประวัติสุขภาพส่วนตัวและบุคคลในครอบครัวก็เป็นปัจจัยสำคัญ หากบุคคลในครอบครัวมีประวัติโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจ การเลือกความคุ้มครองที่สูงขึ้นอาจเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพราะค่ารักษาโรคเหล่านี้มักมีราคาสูง
นอกจากนั้น ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดใหญ่หรือการรักษาโรคร้ายแรงเป็นหลัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจสูงถึงหลักล้านบาท โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชน การมีวงเงินความคุ้มครองที่เพียงพอจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดเมื่อจำเป็น
ทั้งนี้ ยังจะต้องพิจารณาควบคู่ไปกับความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัย เพราะยิ่งวงเงินความคุ้มครองสูง ค่าเบี้ยประกันภัยก็จะยิ่งแพงขึ้น จึงควรหาจุดสมดุลระหว่างความคุ้มครองที่ต้องการกับค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายได้ในระยะยาว

5. ทำประกันตั้งแต่อายุน้อย ๆ ได้เบี้ยถูกกว่าจริงไหม ?

การตัดสินใจทำประกันสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อยนับเป็นการวางแผนการเงินที่ชาญฉลาดวิธีหนึ่ง เพราะนอกจากจะได้ค่าเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่าแล้ว ยังมีข้อดีอีกหลายประการ เช่น
เมื่อคุณอายุน้อยความเสี่ยงในการเจ็บป่วยยังต่ำ บริษัทประกันภัยจึงคิดเบี้ยประกันภัยในอัตราที่ต่ำกว่า บางครั้งอาจต่างกันถึง 2-3 เท่า เมื่อเทียบกับการเริ่มทำประกันภัยตอนอายุมากขึ้น
อีกทั้งการทำประกันภัยตั้งแต่อายุน้อย ยังจะช่วยเพิ่มโอกาสในการผ่านการพิจารณารับประกันสุขภาพได้ง่ายกว่า เพราะมักยังไม่มีโรคประจำตัวหรือไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพสะสม และถ้าหากคุณเลือกแผนประกันแบบตลอดชีพ ยังจะสามารถล็อกอัตราเบี้ยประกันสุขภาพได้ตั้งแต่ต้น ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเบี้ยประกันที่อาจพุ่งสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
ที่สำคัญ การมีประกันสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยให้คุณมีความคุ้มครองต่อเนื่องก่อนที่จะเกิดปัญหาสุขภาพ เพราะหากรอจนมีอาการเจ็บป่วยแล้วค่อยมาทำประกัน บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการรับประกันหรือยกเว้นความคุ้มครองสำหรับโรคที่เป็นอยู่ได้

6. ไม่อยากจ่ายเบี้ยประกันแพง มีวิธีลดค่าเบี้ยประกันภัยบ้างไหม ?

เรื่องค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับหลาย ๆ คน แต่มีหลายวิธีที่สามารถช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยให้อยู่ในงบประมาณที่เหมาะสมได้
วิธีแรกที่น่าสนใจคือการเลือกความรับผิดส่วนแรก (Deductible) ซึ่งหมายถึงการที่คุณยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนแรกเอง เช่น ผู้ทำประกันสุขภาพรับผิดชอบจ่าย 30,000 บาทแรกของการรักษาครั้งแรกของรอบปีกรมธรรม์ จากนั้นบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เกิดขึ้น การเลือกความรับผิดส่วนแรกจะช่วยลดเบี้ยประกันสุขภาพลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
อีกวิธีหนึ่งคือการพิจารณาเลือกเฉพาะความคุ้มครองที่จำเป็นจริง ๆ เช่น หากคุณมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากที่ทำงานที่ครอบคลุมการรักษาแบบผู้ป่วยนอกอยู่แล้ว คุณอาจเลือกทำเฉพาะประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในเพิ่มเติม เพื่อรองรับกรณีที่ต้องนอนโรงพยาบาลหรือผ่าตัด
การเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แผน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เพราะแต่ละแผนของแต่ละบริษัทมีการคำนวณเบี้ยประกันสุขภาพที่แตกต่างกัน อาจมีแผนประกันที่มีความคุ้มครองใกล้เคียงกันแต่ราคาต่างกันอยู่ ดังนั้นการใช้เวลาศึกษาและเปรียบเทียบความคุ้มครองจึงอาจช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้น
นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอก็เป็นวิธีที่ดีในการควบคุมค่าเบี้ยประกันภัยในระยะยาว เพราะหากคุณไม่มีประวัติการเคลมประกันบ่อย ๆ บางบริษัทประกันภัยอาจมีส่วนลดพิเศษหรือไม่ขึ้นเบี้ยประกันในปีถัดไป

7.  ซื้อประกันสุขภาพแล้ว เริ่มต้นคุ้มครองเลยไหม ? 

เรื่องระยะเวลารอคอย (Waiting Period) เป็นสิ่งที่ผู้ทำประกันสุขภาพควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพราะไม่ใช่ว่าเมื่อซื้อประกันแล้วจะสามารถใช้สิทธิ์ได้ทันที โดยการคุ้มครองจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของการเจ็บป่วยหรือการรักษา

  • การเจ็บป่วยทั่วไป สำหรับโรคทั่วไป มักมีระยะเวลารอคอย 30 วัน นับตั้งแต่วันที่กรมธรรม์มีผลบังคับ เพื่อป้องกันการทำประกันหลังจากรู้ตัวว่าป่วยแล้ว

  • กรณีอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่จะได้รับความคุ้มครองทันทีหลังจากกรมธรรม์มีผลบังคับ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้

  • โรคร้ายแรงบางชนิด อาจมีระยะเวลารอคอยที่นานขึ้น เช่น 90-120 วัน หรือบางกรณีอาจถึง 1 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เอาประกันไม่ได้มีอาการของโรคเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว

  • การคลอดบุตร ถือเป็นเรื่องที่วางแผนล่วงหน้าได้ มักจะมีระยะเวลารอคอยที่นานที่สุด โดยทั่วไปประมาณ 280-300 วัน หรือเกือบ 1 ปี

การทำความเข้าใจเรื่องระยะเวลารอคอยจึงมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณวางแผนการทำประกันสุขภาพได้อย่างเหมาะสม และไม่เกิดความผิดหวังเมื่อต้องการใช้สิทธิ์

 

ทำประกันสุขภาพ เลือกแผนประกันอย่างไรให้ตอบโจทย์ที่สุด ?

การเลือกประกันสุขภาพขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญที่ควรใช้ในการเลือกให้เหมาะกับตนเอง ดังนี้

งบประมาณ

ควรเลือกแผนประกันภัยที่สามารถจ่ายเบี้ยฯ ได้สบาย ๆ ในระยะยาว เพราะหากขาดการส่งเบี้ยฯ อาจทำให้ความคุ้มครองสิ้นสุดลง

ความคุ้มครองที่ครอบคลุม 

ควรเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) โดยอาจพิจารณาจากความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ

บริการเสริม

พิจารณาความสะดวกในการใช้บริการ เช่น

  • มีระบบเคลมออนไลน์

  • มีเครือข่ายโรงพยาบาลคู่สัญญาหลายแห่งทั่วประเทศ

  • ช่องทางการชำระเบี้ยฯ ที่หลากหลาย

  • มีบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ

ชื่อเสียงของบริษัทประกันภัย

หากคุณกำลังตัดสินใจว่าจะทำประกันสุขภาพที่ไหนดี ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีฐานะการเงินมั่นคง มีประวัติการจ่ายค่าสินไหมที่ดี รวมถึงการบริการลูกค้าที่มีคุณภาพ และมีความน่าเชื่อถือ ได้รับความไว้วางใจสูง

การทำประกันสุขภาพไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องมีการวางแผนและพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้แผนที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด ซึ่งประกันสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต คิดมาแล้วอย่างดีเพื่อดูแลคุณและคนที่รัก โดยให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ในการรับบริการค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน
เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในเครือข่ายกว่า 600 แห่ง ทั่วประเทศไทย โดยไม่ต้องสำรองจ่ายตามสิทธิและเงื่อนไขของกรมธรรม์ ครอบคลุมทั้งค่ายา ค่าห้อง และค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุเราก็คุ้มครอง เลือกประกันสุขภาพที่เหมาะกับความต้องการกับพรูเด็นเชียลได้เลย

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เงื่อนไขความคุ้มครอง พร้อมเปรียบเทียบแผนประกันที่ใช่ทางเว็บไซต์ หรือต้องการปรึกษาเจ้าหน้าที่ เราพร้อมให้บริการ

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ประกันสุขภาพ มีกี่แบบ แบบไหนคุ้มครองอะไรบ้าง