
เอาเงินไปลงทุนอะไรดี ? รู้จักการลงทุนที่น่าสนใจพร้อมคำแนะนำ
ในยุคสมัยที่ค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเรื่อย ๆ การออมเงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้นคนยุคใหม่จึงควรหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากการลงทุนถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยต่อยอดเงินออม และสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยได้ ในบทความนี้จะขอพาไปรู้ถึงประโยชน์ของการลงทุน พร้อมกับรู้จักประเภทของการลงทุนที่น่าสนใจ และปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงก่อนเริ่มต้นลงทุน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
การลงทุนคืออะไร ? : การออมเงิน VS การลงทุน
การออมเงิน หมายถึงการเก็บสะสมเงินไว้สำหรับใช้ในอนาคต ส่วนใหญ่มักจะออมเงินในรูปแบบของการฝากเงินกับธนาคาร ซึ่งมีดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน โดยการเก็บออมเงินนี้จะมีความเสี่ยงต่ำ เงินต้นปลอดภัย และมีสภาพคล่องสูง
การลงทุน คือการซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ หรือแม้แต่คริปโทเคอร์เรนซี ด้วยความคาดหวังว่าจะสร้างผลตอบแทนในอนาคต ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นอาจมาในรูปแบบของเงินปันผล ดอกเบี้ย หรือมูลค่าของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นก็ได้
ข้อดี-ข้อจำกัด ของการออมและการลงทุนมีอะไรบ้าง?
หัวข้อ |
การออมเงิน |
การลงทุน |
ข้อดี |
|
|
ข้อจำกัด |
|
|
ความสำคัญของการลงทุน
อย่างที่ได้กล่าวไปถึงปัญหาเงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝากเงินหรือออมเงินเป็นประจำไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต รวมถึงในอนาคตระยะยาว เพราะถึงแม้ว่า การออมเงินจะปลอดภัย และให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ แต่อัตราดอกเบี้ยก็ไม่ได้สูงพอที่จะสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ ทำให้การลงทุนมีความสำคัญอย่างมาก เพราะมาพร้อมกับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า ทั้งยังสามารถช่วยให้เหล่านักลงทุนสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น หรือตามที่ได้วางแผนเอาไว้
Mindset สำคัญสำหรับการเริ่มลงทุน
ก่อนจะเริ่มลงทุนสิ่งสำคัญที่สุดคือการมี Mindset ที่ดี เพราะความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับทัศนคติที่มีต่อการลงทุนด้วย
1. ตั้งเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน
การมีเป้าหมายชัดเจน จะช่วยตอบคำถามว่าคุณควรลงทุนแบบไหนดี โดยการกำหนดทิศทางการลงทุนที่เหมาะสม เช่น ถ้าต้องการเงินก้อนในระยะสั้น 1-3 ปี ควรเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าเป็นเงินเก็บระยะยาว 5-10 ปีขึ้นไป อาจเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้
2. ยอมรับความเสี่ยงและความผันผวน
ตลาดการลงทุนมักมีความผันผวนเป็นเรื่องปกติ นักลงทุนต้องเข้าใจว่าการขาดทุนในระยะสั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และไม่ตัดสินใจขายทิ้งเพียงเพราะตลาดผันผวน
3. มีวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ควรลงทุนตามแผนที่วางไว้อย่างสม่ำเสมอ เช่น ลงทุนเดือนละ 3,000 บาททุกเดือน ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาดได้
4. ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
ตัดสินใจด้วยข้อมูลและการวิเคราะห์ ไม่ใช่กระแสหรืออารมณ์ หลีกเลี่ยงการซื้อตามข่าวลือหรือขายเพราะตื่นตระหนก ต้องมีเหตุผลรองรับการตัดสินใจเสมอ
5. พร้อมเรียนรู้และปรับตัว
ศึกษาข้อมูลและติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ประเภทของการลงทุนยอดนิยม
การลงทุนมีกี่ประเภท อะไรบ้าง? เป็นอีกหนึ่งคำถามที่นักลงทุนมือใหม่อยากรู้ ซึ่งการลงทุนนั้นมีหลายทางเลือกมาก ๆ แต่ประเภทของการลงทุนที่น่าสนใจและได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ
1. กองทุนรวม
กองทุนรวมคือกองทุนที่นำเงินจากนักลงทุนไปบริหารจัดการ และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยมีผู้จัดการกองทุนเป็นผู้ดูแล ซึ่งกองทุนรวมจะมีอยู่หลายประเภท สามารถเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงและผลตอบแทน เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้น และกองทุนรวมผสม ซึ่งหากถามว่ามีเงินน้อยลงทุนอะไรดี ? กองทุนรวมก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เพราะสามารถเลือกลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 500 - 1,000 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกองทุน
2. หุ้น
การลงทุนในหุ้นหมายถึงการซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้ลงทุนจะถือเป็นเจ้าของร่วมในบริษัทตามสัดส่วนหุ้นที่ถือครอง ซึ่งการลงทุนในหุ้นนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ อาจเลือกลงทุนระยะยาวเพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นก็ได้ รวมถึงสามารถเลือกลงทุนระยะสั้นเพื่อหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาซื้อ-ขายหุ้นก็ได้เช่นกัน
3. ตราสารหนี้
ตราสารหนี้ หมายถึงสัญญาการกู้ยืมเงินระหว่างผู้ลงทุนกับผู้กู้ มีหลายประเภท เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ซึ่งหากถามว่า ควรลงทุนอะไรดีที่มีความเสี่ยงน้อย การลงทุนในตราสารหนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนปานกลาง
4. หุ้นกู้
หุ้นกู้ หมายถึงสัญญาการกู้ยืมเงินระหว่างบริษัท ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบริษัทเอกชนกับนักลงทุน นักลงทุนจะมีโอกาสได้รับดอกเบี้ยและเงินต้นคืน โดยแต่ละระดับความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นกู้นั้น จะขึ้นอยู่กับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทเป็นหลัก
5. ประกันชีวิตควบคู่การลงทุน (Unit Linked)
การลงทุนทางเลือกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะคริปโทเคอร์เรนซีที่แม้จะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง แต่ก็ดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ด้วยโอกาสทำกำไรที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมี NFTs ที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และ P2P Lending หรือการให้กู้ยืมระหว่างบุคคลที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถปล่อยกู้โดยตรงและได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนในรูปแบบดอกเบี้ยอีกด้วย ซึ่งหากถามว่าลงทุนระยะสั้นควรลงทุนอะไรดี การลงทุนทางเลือกเหล่านี้ก็เป็นทางเลือกที่สามารถสร้างโอกาสสร้างกำไรได้สูงในเวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม การลงทุนประเภทนี้ก็มีความเสี่ยงสูง ผู้ที่สนใจจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดและความเสี่ยงก่อนลงทุนเสมอ
6. ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked)
ประกันชีวิตควบการลงทุน เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิต และโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมไว้ด้วยกัน โดยเหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการซื้อประกันชีวิต รวมถึงการลงทุน เช่น การลงทุนในกองทุนรวม เป็นต้น
สนใจประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
7. การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีและการเกษียณ
การลงทุนที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด โดยเริ่มจากกองทุน SSF ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้และเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างวินัยการลงทุนระยะยาว เช่นเดียวกับกองทุน RMF ที่ออกแบบมาเพื่อการออมเกษียณโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ลงทุนมีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีประกันชีวิตแบบบำนาญที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความคุ้มครองชีวิตและสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นการวางแผนการเงินที่ครอบคลุมในผลิตภัณฑ์เดียว
ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงก่อนเริ่มต้นลงทุน
แม้ว่าการลงทุนจะเป็นหนทางสู่ความมั่งคั่งเช่นเดียวกับการออมเงิน แต่มักมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ โดยการลงทุนบางประเภทแม้จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี แต่ก็มีความเสี่ยงสูง ยิ่งถ้าหากไม่ศึกษารายละเอียดให้ดี หรือขาดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมก็อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี ควรศึกษารายละเอียดและพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เช่น
-
เป้าหมายทางการเงินของคุณ ควรพิจารณาว่าต้องการเงินลงทุนเพื่ออะไร ระยะเวลาที่ต้องการลงทุน รวมถึงระดับความเสี่ยงที่รับได้
-
งบประมาณในการลงทุนของคุณ ควรพิจารณาว่ามีเงินทุนเท่าไหร่ และสามารถลงทุนได้เท่าไหร่
-
ความรู้ และความเชี่ยวชาญในการลงทุน ควรพิจารณาว่าเรามีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนมากน้อยแค่ไหน และมีอะไรที่ควรศึกษาเพิ่มเติมบ้าง
-
กลยุทธ์ในการลงทุน ก่อนที่จะเลือกลงทุนอะไรก็ตาม ควรพิจารณาว่าเหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้หรือไม่
-
ความเสี่ยงของการลงทุน ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ว่าอยู่ในระดับที่รับได้หรือไม่ และควรกระจายความเสี่ยงโดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว
มีเงินลงทุนอะไรดี ? : แนะนำทางเลือกการลงทุน
สำหรับผู้ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ และมองหาทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ 2 รูปแบบการลงทุนที่อยากแนะนำก็คือ กองทุนรวม และ ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked)
-
การลงทุนในกองทุนรวม สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ง่าย และเริ่มลงทุนได้โดยไม่ต้องใช้เงินเริ่มต้นเยอะ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาก เพราะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลกองทุนให้
-
ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) ให้คุณได้รับผลประโยชน์ทั้งความคุ้มครองชีวิต และโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์เดียว อีกทั้งยังสามารถเลือกแผนที่เหมาะกับความต้องการและเป้าหมายของแต่ละคนได้
มีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี ? : แนวทางการลงทุนที่เหมาะสม
มีเงินก้อนลงทุนอะไรดี ? หากคุณมีเงินสำหรับลงทุนอยู่ 100,000 บาท สามารถแบ่งการลงทุนได้หลากหลายรูปแบบ โดยนี่คือคำแนะนำการลงทุนที่แบ่งตามระดับความเสี่ยงที่รับได้
1. แผนการลงทุนแบบปลอดภัย (ความเสี่ยงต่ำ)
สำหรับผู้ที่เน้นความมั่นคงและปลอดภัยของเงินต้นเป็นหลัก แนะนำให้แบ่งเงิน 100,000 บาทออกเป็นสามส่วน โดยส่วนแรกประมาณ 30,000 บาท นำไปฝากประจำกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูง เพื่อรับผลตอบแทนที่แน่นอนและมีสภาพคล่องปานกลาง ส่วนที่สองประมาณ 40,000 บาท ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและมีความเสี่ยงต่ำ และส่วนที่เหลือ 30,000 บาท ลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินที่มีสภาพคล่องสูง เหมาะสำหรับเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
2. แผนการลงทุนแบบสมดุล (ความเสี่ยงปานกลาง)
สำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง แนะนำให้นำเงินส่วนใหญ่ หรือเงินครึ่งหนึ่งไปลงทุนในกองทุนรวมผสมที่มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และทรัพย์สินทางเลือก ส่วนที่สองประมาณ 30,000 บาทอาจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อรับผลตอบแทนที่แน่นอนในรูปแบบดอกเบี้ย และส่วนที่เหลือ 20,000 บาท แนะนำให้ลงทุนในกองทุน SSF หรือ RMF เพื่อประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี พร้อมกับโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
3. แผนการลงทุนแบบเชิงรุก (ความเสี่ยงสูง)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเข้าใจในการลงทุนและสามารถรับความเสี่ยงสูงได้ แนะนำให้ลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 50,000 บาทในตลาดหุ้นโดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินมั่นคง จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ส่วนที่สองประมาณ 30,000 บาท ลงทุนในกองทุนที่เน้นธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี และส่วนที่เหลือ 20,000 บาท อาจพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างคริปโทเคอร์เรนซีที่มีความผันผวนสูง แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
หากต้องการวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคง แต่ยังไม่รู้จะลงทุนอะไรดี การเลือกซื้อประกันชีวิตควบการลงทุนถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น การทำประกันชีวิตควบการลงทุนจาก พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต
แนะนำประกันชีวิตควบการลงทุน “พรูซูเปอร์ ลิงค์”
จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต
-
ความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 120 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง
-
โบนัสพิเศษตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 2 เป็นต้นไป
-
สับเปลี่ยนกองทุนฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
-
มีความยืดหยุ่นสูง เพิ่ม-ลดความคุ้มครอง
ให้คุณได้รับผลประโยชน์ทั้งความคุ้มครองชีวิต พร้อมโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุน
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันรูปแบบต่าง ๆ และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1621
ข้อมูลอ้างอิง
-
Checklist 6 เรื่องต้องรู้ สำหรับมือใหม่. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://www.setinvestnow.com/th/beginner/6things-beginner-needs-to-know
-
อยากมั่งคั่ง มั่นคง ต้องคิดเริ่มลงทุน. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/430-tsi-invest-earlier-be-wealthy-faster
-
เทคนิคการลงทุนใน Digital Asset. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/64-tsi-how-to-invest-in-digital-asset