เลือกภาษา
close
ผู้หญิงกำลังวางแผนลดหย่อนภาษีทางออนไลน์
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

เช็กรายการลดหย่อนภาษีและวิธีวางแผนลดหย่อนภาษี

การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่สำคัญของผู้มีเงินได้ทุกคน แต่เราสามารถลดจำนวนเงินภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปีได้ ด้วยการวางแผนลดหย่อนภาษี ก่อนที่จะทำการยื่นภาษีในทุก ๆ ปี ซึ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งมีเงินได้ หรือกำลังต้องเสียภาษีในอัตราที่เพิ่มขึ้น แล้วต้องการลดหย่อนภาษี แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เรามีเทคนิคที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีมาบอกกัน รับรองว่าทำตามได้ง่าย ช่วยลดภาษีได้จริง

 

ค่าลดหย่อนภาษีคืออะไร ?

ค่าลดหย่อนภาษี คือรายการค่าใช้จ่ายหรือเงินที่จ่ายไประหว่างปีที่ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นรายการตามที่กฎหมายกำหนด ให้สามารถนำมาใช้ในการหักออกจากเงินได้สุทธิ ก่อนคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อลดอัตราภาระภาษีที่ต้องจ่าย

 

3 ขั้นตอนวางแผนลดหย่อนภาษี

1. เช็กสิทธิลดหย่อนภาษีที่ตนเองมี

ขั้นตอนแรกของการวางแผนลดหย่อนภาษี คือการเช็กสิทธิลดหย่อนภาษีที่ตนเองมี เพื่อนำไปหักลบกับเงินรายได้สุทธิ ก่อนนำไปคำนวณอัตราภาษีที่ต้องจ่าย โดยรายการลดหย่อนภาษี มีดังต่อไปนี้

รายการลดหย่อนภาษีขั้นพื้นฐาน

  • ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท

  • คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ 60,000 บาท

  • บุตรที่อยู่ในวัยเรียน และมีอายุไม่เกิน 25 ปี คนละ 30,000 บาท

  • บุตรตั้งแต่คนที่ 2 และเกิดในปี 2561 เป็นต้นไป คนละ 60,000 บาท

  • ค่าฝากครรภ์หรือคลอดบุตรไม่เกิน 60,000 บาท

  • ค่าอุปการะพ่อแม่อายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 30,000 บาท

  • ค่าอุปการะผู้พิการหรือทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท

รายการลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน

  • เบี้ยประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้ ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท

  • เบี้ยประกันชีวิตคู่สมรส (คู่สมรสไม่มีเงินได้) ลดหย่อนไม่เกิน 10,000 บาท

  • เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ ของผู้มีเงินได้หรือคู่สมรส ไม่เกิน 15,000 บาท

  • เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท

  • เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง และไม่เกิน 500,000 บาท

  • เงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ไม่เกิน 500,000 บาท

  • เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ไม่เกิน 30,000 บาท

  • ค่าซื้อกองทุน (RMF : Retirement Mutual Fund) ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท

  • ค่าซื้อกองทุน (SSF : Super Saving Funds) ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท

  • เงินสมทบกองทุนประกันสังคม ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 9,000 บาท

  • ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 100,000 บาท

รายการลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค

  • เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ และบริจาคเพื่อสถานพยาบาลของรัฐ ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนภาษีอื่น ๆ แล้ว

  • เงินบริจาคทั่วไป ไม่เกิน 10 % ของเงินได้ หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว

  • เงินบริจาคพรรคการเมือง ไม่เกิน 10,000 บาท

 

ผู้หญิงกำลังคิดรายการลดหย่อนภาษี เพื่อวางแผนลดหย่อนภาษี

 

2. ประเมินเงินได้สุทธิ

เมื่อรู้แล้วว่าตนเองมีรายการลดหย่อนภาษีอะไรบ้าง ก็ถึงเวลาคำนวณเงินได้สุทธิ เพื่อดูว่าตนเองมีอัตราภาษีที่ต้องจ่ายอยู่ที่เท่าไร โดยมีวิธีในการคำนวณเงินได้สุทธิ ดังต่อไปนี้

สูตรคำนวณเงินได้สุทธิ

รายได้ต่อปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ

ตัวอย่าง

นางสาว ก มีรายได้เดือนละ 60,000 บาท มีรายการลดหย่อนภาษี คือ ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท กองทุนประกันสังคม 9,000 บาท และเบี้ยประกันสุขภาพ 12,000 บาท

คำนวณได้เป็น (60,000 x 12) - 100,000 - (60,000 + 9,000 + 12,000) = 539,000

สรุป เงินได้สุทธิ 539,000 บาท

เมื่อได้เงินได้สุทธิแล้ว ก็ต้องนำไปคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย โดยมีอัตราภาษี ดังนี้

 

ขั้นเงินได้สุทธิ (บาท)

อัตราภาษี (%)

ไม่เกิน 150,000

ยกเว้น

150,001 - 300,000

5

300,001 - 500,000

10

500,001 - 750,000

15

750,001 - 1,000,000

20

1,000,001 - 2,000,000

25

2,000,001 บาทขึ้นไป

35

 

สูตรคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย

เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย

คำนวณได้เป็น 539,000 x 15% = 80,850

3. ซื้อประกันชีวิต และประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มค่าลดหย่อนภาษี

หลังจากที่คำนวณเงินภาษีที่ต้องจ่ายได้แล้ว หากต้องการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม สามารถเลือกซื้อประกันชีวิตให้แก่ตนเอง รวมถึงให้แก่พ่อแม่ได้ ซึ่งไม่เพียงจะสามารถนำไปลดภาระภาษีได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความอุ่นใจว่าหากเจ็บป่วย จะมีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล โดยไม่ต้องกระทบกับเงินเก็บออมอีกด้วย

 

ข้อดีของการวางแผนลดหย่อนภาษี

  • หากมีการวางแผนลดหย่อนภาษีที่ดี จะช่วยประหยัดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเป็นภาษีได้มากขึ้น

  • เมื่อจ่ายภาษีลดลง ก็จะมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น หรือจะนำไปใช้ลงทุนให้งอกเงยขึ้นก็ได้เช่นกัน

  • การวางแผนลดหย่อนภาษี จะทำให้ได้รู้ว่าตนเองมีค่าลดหย่อนภาษีอะไรบ้าง และได้ใช้ประโยชน์จากสิทธิลดหย่อนภาษีอย่างคุ้มค่าอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ คือเคล็ดลับในการวางแผนลดหย่อนภาษีที่เราได้นำมาบอกกัน และสำหรับใครที่ต้องการลดหย่อนภาษี มาเลือกซื้อประกันสุขภาพและประกันชีวิตกับทางจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ได้เลย มีหลายแผนให้เลือกที่เหมาะกับการใช้ชีวิตของคุณ

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนอะไรได้บ้าง?

  2. มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ต้องไม่พลาดใช้สิทธิลดหย่อนภาษี