
เปิดขั้นตอนที่ต้องทำเมื่อโดนมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน!
ในยุคดิจิทัล โลกออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่หลายคนใช้ในการติดต่อสื่อสาร ช้อปปิ้ง รวมไปถึงใช้ทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ แต่ถึงแม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่โลกออนไลน์ก็มี "ภัยร้าย" ที่เราต้องคอยระวังตัวอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากใครได้เคยติดตามข่าวสารกันมาบ้าง คงจะรู้ว่ามีเหล่ามิจฉาชีพคอยจ้องที่จะหาผลประโยชน์จากการหลอกลวงด้วยวิธีต่าง ๆ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่อาจตามไม่ทัน บทความนี้จึงจะช่วยให้คุณรู้เท่าทันภัยจากการโดนโกงออนไลน์ เพื่อป้องกันและแก้ไข พร้อมเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างมีสติ
จดไว้เลย! 3 ขั้นตอนที่ต้องทำเมื่อโดนหลอกโอนเงินออนไลน์
1. ติดต่อธนาคารเพื่อระงับการทำธุรกรรม
ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เงินรั่วไหลออกจากบัญชี คือการติดต่อธนาคารให้เร็วที่สุดเพื่อทำการระงับ หรืออายัดบัญชี โดยตามพ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 ระบุว่า ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง สามารถติดต่อแจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพเพื่อระงับบัญชีได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งธนาคารจะทำการระงับการทำธุรกรรมชั่วคราวทันที โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน
2. รวบรวมหลักฐานให้มากที่สุด
หลังจากทำการระงับธุรกรรมเป็นการชั่วคราวแล้ว จำเป็นจะต้องรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุด เพื่อนำไปดำเนินคดีในขั้นตอนต่อไป โดยแคปเจอร์หน้าจอที่มีข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น
-
หน้าเว็บไซต์ที่ขายของ หรือรูปโปรไฟล์ของร้านค้า
-
หลักฐานการพูดคุยที่เห็นชื่อ Account ตั้งแต่การสอบถาม ขั้นตอนการชำระเงิน ไปจนถึงการแจ้งโอนเงิน
-
ชื่อบัญชีที่ทางร้านค้าแจ้งให้โอนเงิน
-
สลิปหลักฐานการโอนเงิน
-
สมุดบัญชีธนาคารที่ใช้โอนเงิน
-
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
-
หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแจ้งความในขั้นตอนถัดไป
3. ดำเนินการแจ้งความ
สามารถพิมพ์หลักฐานทั้งหมดใส่กระดาษแล้วนำไปแจ้งความกับตำรวจภายใน 72 ชั่วโมง ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยต้องระบุว่าต้องการดำเนินคดีจนถึงที่สุดพร้อมขอให้ตำรวจออกคำสั่งอายัดบัญชีให้ด้วย ไม่ใช่เพียงรอลงบันทึกประจำวัน แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลาก็สามารถทำการแจ้งความออนไลน์เมื่อโดนหลอกโอนเงินได้ทันทีที่รู้ตัว โดยมีขั้นตอนการแจ้งความออนไลน์ ดังนี้
-
เข้าเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.go.th/
-
ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนด้วยหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมล
-
เลือกประเภทคดี โดยให้เลือก "คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี"
-
กรอกข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ถูกหลอก เช่น วันที่ เวลา ช่องทางที่ถูกหลอก ข้อมูลของผู้หลอก เงินที่สูญเสีย
-
แนบหลักฐานที่รวบรวมไว้ เช่น สลิปโอนเงิน บทสนทนา ข้อความ รูปภาพ
-
ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนกดยืนยัน
-
รอรับเลขรับแจ้งความ Case ID ไว้ติดตามผล
หลังจากทำการแจ้งความแล้วกระบวนการทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่การดำเนินการของตำรวจ ซึ่งควรเข้าไปติดตามผลอยู่เสมอ เพราะหากครบ 7 วัน จากวันที่แจ้งระงับบัญชีแล้วยังไม่มีหมายอายัดจากพนักงานสอบสวน ทางธนาคารจะยกเลิกการอายัดธุรกรรมของบัญชี สำหรับเงินที่จะได้คืนนั้นจะขึ้นอยู่กับการดำเนินการของตำรวจ ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบยอดเงินที่โอนไปแล้วว่าถูกถอนไปหรือยัง ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบว่า เป็นอาชญากรรมก็จะเข้าสู่กระบวนการต่อไป โดยมิจฉาชีพที่ทำการหลอกโอนเงินจะมีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 การทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้เสียหายสามารถแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายได้ โดยคดีจะมีอายุความ 3 เดือน ดังนั้นจึงควรรีบทำการแจ้งความทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพจากการโดนโกงออนไลน์
วิธีป้องกันกลโกงจากการโดนหลอกโอนเงิน
ตรวจสอบบัญชีปลายทาง
ก่อนจะทำธุรการใด ๆ จำเป็นต้องเปรียบเทียบชื่อบัญชีกับชื่อผู้รับก่อนเสมอ ว่าตรงกันในทุกตัวอักษร โดยระวังบัญชีที่มีชื่อคล้ายคลึงกัน เช่น การเปลี่ยนตัวอักษร การเพิ่มหรือลดวรรณยุกต์ อีกทั้งยังควรนำชื่อไปค้นหาดูก่อนว่ามีประวัติการโกง หรือมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรระวังตัวและอย่าเพิ่งโอนเงิน
ไม่กดลิงก์มั่ว
ในปัจจุบันมีกลโกงมากมาย ซึ่งอาจมาในรูปแบบคนรู้จัก หรือแม้แต่การอ้างชื่อหน่วยงานรัฐเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ โดยมีข้อความ หรือการกดลิงก์ที่ควรระวังในปัจจุบัน เช่น
-
ข้อความ หรืออีเมลจากบุคคลที่ไม่รู้จัก
-
ลิงก์ในโซเชียลมีเดียที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
-
ลิงก์ที่อ้างว่ามาจากธนาคาร หรือหน่วยงานราชการ
-
ตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์ก่อนกรอกข้อมูล
ห้ามเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว
การป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด คือการไม่ปล่อยข้อมูลส่วนตัวให้ใครได้รู้ เช่น รหัสผ่าน OTP ข้อมูลบัตรเครดิต รวมถึงไม่ควรโพสต์ข้อมูลส่วนตัวลงบนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ และควรตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายากที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว เพื่อป้องกันการคาดเดา หากทำได้ควรเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ และไม่ควรใช้รหัสเดียวกันกับทุกแพลตฟอร์ม
เว็บไซต์และแอปพลิเคชันตรวจสอบ
ในปัจจุบันมีการรวบรวมและร้องเรียนเกี่ยวกับมิจฉาชีพมากมาย ทำให้มีแหล่งที่สามารถนำข้อมูลไปตรวจสอบความเสี่ยง ป้องกันการโดนโกงออนไลน์ได้ ดังนี้
-
Blacklistseller เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลผู้ขายออนไลน์ที่โกงหรือมีประวัติไม่ดี โดยสามารถค้นหาชื่อผู้ขาย เบอร์โทรศัพท์ เลขบัญชี หรือชื่อสินค้า
-
Chaladohn เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลเบอร์โทรศัพท์มิจฉาชีพ ซึ่งสามารถค้นหาเบอร์โทรศัพท์ได้ โดยเว็บไซต์จะแสดงข้อมูลว่าเบอร์โทรศัพท์นั้นเคยถูกแจ้งว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่
-
Whocalls แอปพลิเคชันที่แสดงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จักทันทีบนหน้าจอ ทำให้สามารถเลือกรับสายได้ง่ายและสบายใจขึ้น
รู้เท่าทันกลโกงในปัจจุบัน วิธีต่างๆที่มิจฉาชีพอาจใช้ในการหลอกให้โอนเงิน
ยิ่งโซเชียลมีเดียมีการใช้งานอย่างกว้างขวางมากเท่าไร ข้อมูลส่วนตัวของเราก็อาจหลุดออกไปได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันเหล่ามิจฉาชีพก็ได้มีการอัปเกรดการหลอกโอนเงินให้ดูน่าเชื่อถือด้วยหลากหลายวิธี เช่น
หลอกลงทุน
โดยเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจมีการแอบอ้างชื่อบุคคล หรือบริษัท ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเจอเหตุการณ์นี้ควรสอบถามไปยังบริษัทที่ถูกแอบอ้างโดยตรง ว่ามีบุคคลชื่อนี้อยู่ไหม หรือทางบริษัทมีนโยบายลงทุนดังที่ได้รับข้อมูลมาหรือไม่ จากนั้นทำการตรวจสอบข้อมูลบัญชีกับบริษัทให้ละเอียด
แอบอ้างว่ามีคดี
กลลวงในรูปแบบนี้ มักมีการโทรมาแจ้งว่ามีค่าบริการค้างชำระ หรือมีคำสั่งหมายศาล โดยอ้างว่าเป็นตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ และทำการข่มขู่ให้โอนเงินเพื่อเคลียร์คดี หากเจอสถานการณ์นี้ให้แจ้งไปว่าจะไปติดต่อกับสำนักงาน หรือที่สถานีตำรวจโดยตรง ไม่ควรรอให้เกิดการโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจออนไลน์ เพราะในปัจจุบันมีการทำคลิป AI เสมือนจริง หรือการแต่งตัวให้ดูน่าเชื่อถือคล้ายเป็นตำรวจอยู่ด้วย
ส่งจดหมายเป็นหน่วยงานราชการ
กลโกงล่าสุด คือการส่งจดหมายมาถึงบ้าน โดยแอบอ้างว่าเป็นหน่วยงานรัฐ หรือราชการที่ต้องการสำรวจความพึงพอใจแล้วมี QR Code ให้สแกนข้อมูล โดยมีข้อมูลเหมือนจริงทุกประการ หากเกิดเหตุการณ์นี้ให้โทรศัพท์ หรือส่งข้อความไปสอบถามหน่วยงานดังกล่าวโดยตรง ว่าได้ส่งเอกสารมาให้หรือไม่
ถึงแม้ว่าบนโลกออนไลน์ในยุคปัจจุบัน เราจะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ทั้งการซื้อสินค้าออนไลน์ การทำธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการหาลู่ทาง เพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคตก็ยังได้ แต่ทั้งนี้เราก็ต้องใช้สติในการใช้งานอย่างรอบคอบด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่อยากวางแผนเพื่อความมั่งคงในชีวิต ขอแนะนำการลงทุนกับพรูเด็นเชียลที่มุ่งมั่นปกป้องความมั่งคั่งของคุณ ด้วยกลุ่ม Partner ที่แข็งแกร่งและมีประวัติศาสตร์การบริหารงานมาอันยาวนาน จึงมั่นใจได้ถึงความคุ้มครองที่จะได้รับ ป้องกันความขัดสนที่อาจทำให้ชีวิตสับสนจนโดนกลโกงได้
ข้อมูลอ้างอิง
-
แจ้งความออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ