เลือกภาษา
close
เทคนิคป้องกันฝุ่น PM2.5 ลดผลกระทบด้านสุขภาพ
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

อย่าปล่อยชีวิตให้เปื้อน​​ฝุ่น PM2.5​​ อยู่ให้รอดและปลอดภัย

 วิธีดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5

 

วงเวลาเช้า ๆ ของทุกวันนี้ ออกจากบ้านก็จะเจอกับฝุ่นควันสีขาวลอยเต็มอยู่ในอากาศ แถมค่าฝุ่นที่วัดได้ยังอันตรายต่อสุขภาพไปอีก โดยในช่วงต้นปี 2568 ค่าฝุ่นเกิน PM2.5 อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่ง จ.นครปฐมมีค่าฝุ่นสูงที่สุดที่ 176 US AQI แล้วอย่างนี้เราจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร ในวันที่ฝุ่น PM2.5 กำลังบุกมาทำร้ายสุขภาพของทุกคน   

 

Table of Content: 

  1. ฝุ่น PM2.5 คืออะไร ทำไมถึงอันตราย ? 

  2. ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในไทยมักเกิดในช่วงเวลาไหน ?  

  3. ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ?  

  4. อยู่ยังไงให้รอด ในยุค “ชีวิตเปื้อนฝุ่น”   

  5. วิธีกำจัดสารพิษที่มากับฝุ่นออกจากร่างกาย  

 

ฝุ่น PM2.5 คืออะไร ทำไมถึงอันตราย ?

ฝุ่น PM2.5 คือ ฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็ก มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กกว่าเส้นผมถึง 20-40 เท่า (เส้นผมคนเรามีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 50-100 ไมครอน) แม้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็สามารถผ่านระบบหายใจเข้าไปในปอด ไปถึงถุงลม และเข้าสู่กระแสเลือด ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา

 

ฝุ่น PM2.5 เกิดจากอะไร ?

การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกันทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยพยายามร่วมกันลดสาเหตุดังต่อไปนี้  

  • ไอเสียจากรถยนต์และการจราจร การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะในเมืองหรือพื้นที่ที่การจราจรติดขัด ก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณของฝุ่นมากยิ่งขึ้น  

  • โรงงานอุตสาหกรรม เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะโรงงานที่ใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน  

  • การเผาในที่โล่ง เช่น การเผาเศษวัสดุ การเผาเพื่อเตรียมการเพาะปลูก รวมถึงไฟป่า และการหุงอาหารด้วยฟืนหรือไม้  

  • สภาพแวดล้อม ในช่วงที่ความกดอากาศสูง และสภาพอากาศนิ่ง หรือภูมิประเทศที่ทำให้เกิดสภาวะอากาศปิด จะทำให้ฝุ่นแขวนลอยในอากาศและสะสมอยู่นาน     

 

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในไทยมักเกิดในช่วงเวลาไหน ?

จริงแล้วในแต่ละภูมิภาคของไทย จะเกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างกันตามภูมิภาคและฤดูกาล ดังต่อไปนี้  

  • พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มักเกิดในช่วงฤดูหนาว เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์  

  • ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เนื่องจากมีการเผาพื้นที่เกษตรภายในพื้นที่และจากประเทศเพื่อนบ้าน 

  • ภาคเหนือและภาคกลาง ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศต่ำจากกรุงเทพมหานคร  

  • ภาคใต้ ช่วงสิงหาคม-ตุลาคม จากการเผาพื้นที่เกษตรในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้าน 

 

ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ?

ปกติแล้วร่างกายของเราจะมีกลไกการป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรก ไม่ให้รุกล้ำเข้าไปสะสมจนทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ด้วยฝุ่น PM2.5 ที่มีขนาดเล็กมาก จึงสามารถเล็ดลอดเข้าไปสะสมภายในอวัยวะของร่างกาย จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้  

  • ระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ไอ หายใจลำบาก รวมถึงการกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ หอบหืด และลดประสิทธิภาพการทำงานของปอด  

  • ดวงตา ทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ตา ตาแห้ง และอาจจะทำให้จอประสาทตาผิดปกติได้  

  • หัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดตะกอนภายในหลอดเลือด เสี่ยงต่อโรคหัวใจวาย หลอดเลือดสมองตีบได้ นอกจากนี้ ยังทำให้ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกอีกด้วย

5 อันดับโรคที่เกิดจากฝุ่น ในปี พ.ศ. 2563-2566

  1. โรคหอบหืด มีอาการเหนื่อยหอบแน่นหน้าอก เกิดจากการอักเสบเรื้อรังจากหลอดลม 

  2. โรคมะเร็งปอด เกิดจากการสะสมของฝุ่น PM2.5 และสารพิษอื่น ๆ ในระยะยาว  

  3. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ/อุดตัน เกิดการสะสมของฝุ่นและไขมัน ทำให้เลือดไหลไปหัวใจได้น้อยลง 

  4. โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดจากความเครียด ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจากการสูดดมมลพิษเป็นเวลานาน  

  5. โรคหลอดเลือดสมอง ฝุ่นเข้าไปสะสมในหลอดเลือด จนเกิดการตีบและตัน 

(ข้อมูลจาก นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย) 

 

อยู่อย่างไรให้รอด ในยุค “ชีวิตเปื้อนฝุ่น” ?

ในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพ เราจะมีวิธีป้องกันฝุ่น PM2.5 อย่างไรบ้าง ? ที่จะบรรเทาเบาบางผลกระทบต่อสุขภาพได้  

Check list ก่อนออกจากบ้านยุคนี้ !

  1. ใส่หน้ากาก N95 ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน หรืออยู่กลางแจ้ง เนื่องจากเป็นหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอนได้ จึงช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองที่จะเข้ามาสะสมภายในร่างกาย  

  2. ติดตามระดับ PM 2.5 ด้วยเครื่องวัดฝุ่นละออง และตรวจสอบค่าฝุ่นในพื้นที่ที่จะเดินทางไปจากบนเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษและหน่วยงานต่าง ๆ หากพบว่าสูงเกินมาตรฐานให้หลีกเลี่ยงการอยู่ภายนอกเป็นเวลานาน    

  3. พกเครื่องกรองอากาศพกพา ที่มี HEPA Filter ติดตัว ช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้

 

วิธีกำจัดสารพิษที่มากับฝุ่นออกจากร่างกาย

นอกจากการป้องกันฝุ่นที่กล่าวมาแล้ว ยังมีวิธีกำจัดสารพิษที่กับฝุ่นออกจากร่างกายได้แบบง่าย ๆ ดังต่อไปนี้  

  • รับประทานอาหารที่มีกลูตาไธโอน เพราะกลูตาไธโอนเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยขับสารพิษในตับได้ 

  • ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง 2 แก้ว หลังตื่นนอนในตอนเช้า ช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายได้เป็นอย่างดี 

  • นวดกดจุด ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ช่วยขับสารพิษออกจากปอด ปรับสมดุลสุขภาพปอด 

  • คีเลชั่นบำบัด ช่วยล้างสารพิษโลหะหนัก พร้อมลดค่าการอักเสบในร่างกาย 

  

เมื่อเราหนีฝุ่น PM 2.5 ในเร็ววันนี้ไม่ได้ ก็ควรเตรียมพร้อมรับมือด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย กำจัดสารพิษตกค้างอย่างถูกวิธี หรือเพิ่มความอุ่นใจให้ตัวเองด้วยประกันสุขภาพ จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในเครือข่ายกว่า 500 แห่ง ทั่วประเทศไทย คุ้มครองทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้สูงอายุ หรือวัยทำงาน สามารถเลือกประกันที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้เลย  

 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง 

  1. PM 2.5 ฝุ่นละอองเล็กจิ๋ว แต่ส่งผลเสีย (ต่อสุขภาพ) มหาศาล 
  2. พื้นที่และช่วงเวลาที่มักเกิด PM2.5 รวมทั้งกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น 
  3. เรียนรู้ อยู่กับฝุ่น PM2.5