
อาการเจ็บใต้รักแร้ จับแล้วมีก้อนหรือไม่มีก้อน ก็ต้องระวัง
เคยไหมที่รู้สึกไม่สบายใต้รักแร้ เมื่อจับแล้วรู้สึกเจ็บหรือคลำพบก้อน หรือเกิดเจ็บบริเวณเต้าจี๊ด ๆ เหมือนเข็มทิ่ม นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม! โดยในบทความนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจว่าอาการเจ็บใต้รักแร้ บ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง และควรสังเกตอาการอย่างไร เพื่อให้สามารถรับมือและแก้ไขกับอาการที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
อาการเจ็บใต้รักแร้บ่งบอกอะไรได้บ้าง
อาการเจ็บใต้รักแร้ หรือเจ็บบริเวณใกล้ ๆ เต้านม อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งบางสาเหตุอาจไม่ร้ายแรง เพียงแค่ดูแลตัวเองก็หายได้ แต่บางสาเหตุก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงได้ ดังนี้
1. ต่อมน้ำเหลืองโต
ต่อมน้ำเหลือง มีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค ดังนั้นเมื่อร่างกายติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืองจะทำงานหนัก และขยายขนาดขึ้นส่งผลให้กลายเป็นก้อนใต้รักแร้ที่จับแล้วเจ็บ
2. รูขุมขนอักเสบ
การอักเสบของรูขุมขน ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บใต้รักแร้ได้ ซึ่งมักเกิดจากการโกนขนรักแร้ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับใต้วงแขนที่มีส่วนผสมของสารก่อการระคายเคือง ทำให้รูขุมขนอักเสบและรู้สึกเจ็บใต้รักแร้ได้
3. ผื่นผิวหนัง
นอกจากการอักเสบของรูขุมขนแล้ว การเกิดผื่นผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ หรือการสัมผัสสารระคายเคือง ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บใต้รักแร้แบบที่คลำแล้วไม่มีก้อนได้เช่นเดียวกัน
4. ก้อนเนื้องอก
หากเป็นก้อนที่รักแร้ซึ่งกดแล้วเจ็บ นั่นอาจเป็นก้อนเนื้องอกที่เต้านม หรือต่อมน้ำเหลืองได้ ซึ่งหากพบก้อนเนื้องอกควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยว่าก้อนเนื้อนั้นเป็นเพียงก้อนเนื้อที่ไม่เป็นอันตราย หรือเป็นก้อนเนื้อร้าย
5. มะเร็งเต้านม
หากพบก้อนใต้รักแร้ที่จับแล้วเจ็บ นั่นอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกได้ ซึ่งแม้อาจไม่แสดงอาการใด ๆ ในช่วงแรก แต่เมื่อก้อนเนื้อโตขึ้นอาจทำให้รู้สึกเจ็บใต้รักแร้ได้
การป้องกันการเกิดก้อน หรืออาการเจ็บใต้รักแร้
บางสาเหตุของอาการเจ็บใต้รักแร้นั้น สามารถป้องกันได้ด้วยกันดูแลรักษา และทำความสะอาดใต้วงแขนอย่างเหมาะสม เพื่อลดการระคายเคือง และลดการสะสมของสิ่งสกปรก ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือผื่นแพ้ได้ โดยสามารถทำได้ตามข้อแนะนำเหล่านี้
-
รักษาความสะอาดใต้รักแร้เป็นประจำ
-
หลีกเลี่ยงการโกนขนรักแร้บ่อย ๆ
-
หลีกเลี่ยงการใช้สารระคายเคือง
นอกจากการดูแลบริเวณรักแร้อย่างเหมาะสมแล้ว ยังควรหมั่นสังเกตร่างกายของตัวเองอยู่เสมอโดยการตรวจเต้านมรวมถึงบริเวณรักแร้ด้วยตนเองเป็นประจำ และพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งระยะลุกลามซึ่งจะรักษาให้หายได้ยาก
หากเป็นก้อนที่รักแร้แบบกดแล้วเจ็บ จะสังเกตอย่างไรว่าเป็นก้อนมะเร็งหรือเนื้องอก
หากคลำพบก้อนเนื้อบริเวณใต้รักแร้ หรือใกล้เต้านม แน่นอนว่าย่อมทำให้เป็นกังวลว่าก้อนเนื้อนั้น ๆ เป็นเพียงเนื้องอกที่ไม่เป็นอันตราย หรือเป็นก้อนมะเร็งกันแน่ ซึ่งก้อนเนื้อ 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งลักษณะ และวิธีการรักษา ดังนี้
เนื้องอก
เนื้องอกคือเซลล์ที่เจริญเติบโตผิดปกติ มักไม่ลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกาย สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเนื้องอกออก หรืออาจไม่จำเป็นต้องรักษาหากไม่ส่งผลกระทบใด ๆ
เนื้องอกจะมีอาการบ่งบอกดังนี้
-
เป็นก้อนกลม ไม่ยึดติดกับผิวหนัง และอาจเคลื่อนที่ได้
-
มักไม่มีอาการปวด ยกเว้นก้อนเนื้องอกที่ไปกดทับอวัยวะภายในต่าง ๆ
-
ส่วนมากแล้วจะโต หรือขยายขนาดช้า
-
อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผิวหนังบวมแดง คัน หรือรู้สึกตึง
มะเร็ง
มะเร็ง คือ เซลล์ที่เจริญเติบโตผิดปกติ และมีพฤติกรรมลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ การรักษามะเร็งจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และระยะของมะเร็ง สำหรับมะเร็งระยะแรก ๆ มักรักษาด้วยการผ่าตัด แต่หากเป็นมะเร็งระยะลุกลามมักรักษาด้วยการผ่าตัด ร่วมกับเคมีบำบัด ฉายรังสี หรือการรักษาแบบมุ่งเป้า
มะเร็งจะมีอาการบ่งบอกดังนี้
-
เป็นก้อนแข็ง พื้นผิวขรุขระ และมักยึดติดกับผิวหนัง
-
มักมีอาการปวด และรู้สึกเจ็บบริเวณก้อนเนื้อ
-
ก้อนมะเร็งมักเพิ่มขนาด และขยายตัวรวดเร็ว
-
อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผิวหนังบวมแดง น้ำเหลืองไหล ผิวหนังบุ๋มลง และอื่น ๆ
สรุปวิธีสังเกตข้อแตกต่างของก้อนมะเร็ง VS เนื้องอก
-
คลำหาก้อนเนื้อใต้รักแร้เป็นประจำ โดยใช้นิ้วมือไล่จากด้านบนลงล่าง
-
สังเกตลักษณะของก้อนเนื้อว่าเป็นก้อนกลมหรือขรุขระ เคลื่อนที่ได้หรือไม่ และยึดติดกับผิวหนังหรือไม่
-
สังเกตว่ามีอาการปวด หรือรู้สึกเจ็บร่วมด้วยหรือไม่
-
สังเกตว่าก้อนเนื้อโตเร็วหรือไม่
-
รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยด้วยการอัลตราซาวด์ แมมโมแกรม MRI หรือการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
ข้อแนะนำ! หากคลำเจอก้อนใต้รักแร้ที่จับแล้วเจ็บ ควรทำอย่างไร?
-
สังเกตอาการอย่างละเอียด และบันทึกข้อมูลไว้
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อคลำพบก้อนเนื้อก็คือ การสังเกตว่าก้อนเนื้อนั้นเป็นอย่างไร ขนาดเท่าไหร่ เพื่อประเมินเบื้องต้นว่าเป็นก้อนเนื้อร้ายหรือไม่ และควรบันทึกวันที่คลำเจอก้อนเนื้อ ขนาดของก้อนเนื้อ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย -
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
หากคลำพบเจอก้อนเนื้อควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ เช่น-
การนวด บีบ หรือกดที่ก้อนเนื้อ
-
การทายาสมุนไพร หรือยาอะไรก็ตามลงบนก้อนเนื้อ
-
การวิตกกังวล จนเกิดความเครียด
-
-
ไปพบแพทย์ทันที
ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการตรวจร่างกาย และวินิจฉัยก้อนเนื้อนั้นด้วยวิธีต่าง ๆ และเริ่มต้นการรักษาอย่างถูกวิธี และทันท่วงที
จะเห็นได้ว่าอาการเจ็บใต้รักแร้นั้น อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายอย่างมะเร็งได้ ดังนั้นการหมั่นตรวจร่างกาย และทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของมะเร็งกับเนื้องอก ให้ละเอียด จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายได้ เพราะยิ่งสังเกตถึงความอันตรายของโรคมะเร็งได้ไวเท่าไหร่ ก็ช่วยให้สามารถดูแลได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรักษาให้หายขาดได้อย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่ต้องการวางแผนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงทางสุขภาพ สามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้เลย