เมื่อยังไม่ทันได้ทำตามฝัน แต่ต้องหันมาเป็นเดอะแบกซะก่อน
ในวัยเด็ก เราอาจมีความฝันมากมายหรือมีเพียงหนึ่งเดียวที่วาดไว้ แต่สำหรับชาว Gen Y ที่ต้องเข้าสู่วัยทำงานพร้อมกับแบกรับภาระหน้าที่ต่างๆ ทั้งการงาน การเงิน ครอบครัว ทำให้ไม่ว่าจะกี่ความฝันที่เคยชัดเจน ก็กลายเป็นเพียงสิ่งๆ หนึ่งที่ถูกแช่แข็งเก็บไว้ในกล่องความทรงจำ เมื่อความฝันอยู่ได้เพียงในโลกจินตนาการ เราจะสามารถแบกโลกความเป็นจริงไว้...โดยไม่ต้องทิ้งทุกอย่างได้ยังไง ถึงเวลาหาเชื้อเพลิงเติมไฟ ให้ชีวิตไม่ถึงทางตันและสามารถเดินตามฝันที่ทำได้จริง
ซึ่ง.. สิ่งที่ทำให้เชื่อว่าเป็นปัจจัยของการเกิดภาวะหมดไฟในคน gen Y คือการต้องบริหารงานให้ออกมาดี ไปพร้อมๆ กับการต้องรักษาทุกความสัมพันธ์ให้ราบรื่น ทั้งสังคมในที่ทำงาน เพื่อน และครอบครัว กลายเป็นสิ่งที่สร้างความเหนื่อยล้าให้กับชาวเดอะแบกในแต่ละวัน จนสะสมกลายเป็นภาวะหมดไฟในท้ายที่สุดนั่นเอง
ไม่อยากหมดไฟเพราะเอาแต่ทำงานหนัก นี่คือวเทคนิคแฮกชีวิตที่เดอะแบกควรมีติดตัว
-
To Do List ในทุกเช้าวันใหม่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญ ความเร่งรีบ ของงานแต่ละชิ้น วางแผนให้รู้ว่าวันนี้เราควรทำงานชิ้นไหนก่อน ดีกว่าโฟกัสหลายๆ งานพร้อมกัน แต่ไม่มีชิ้นไหนเสร็จสมบูรณ์
-
Say No บ้างก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะมองคุณไม่ดี เพราะการตบปากรับคำทำทุกชิ้นงานจนต้องแบกความเหนื่อยล้าไว้ซะเอง ประสิทธิภาพของงานก็อาจลดลงได้ ทำเท่าที่ไหว...ไม่ไหวก็อย่าบอกว่าไหวเลย!
-
Perfectionist อาจไม่มีจริง! การสร้างแรงผลักดันเพื่อให้งานออกมาดี อาจเป็นเรื่องที่ดี...ถ้ามีขอบเขตที่เพียงพอ ไม่ใช่แบกความกดดัน ย้ำคิดย้ำทำ จนเกิดความเครียดต่อตนเอง รวมทั้งยังอาจส่งผลให้คนรอบข้าง เครียดตามไปอีกด้วย
-
Recharge Your Energy ถึงจะมีลมหายใจ แต่พลังงานก็หมดได้...ไม่ต่างกับเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยผลสำรวจพบว่า ชาวเดอะแบกกว่า 73% ต้องทำงานหนักมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และบางคนอาจมากถึง 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เลยทีเดียว เวิร์คฮาร์ดขนาดนี้ แล้วจะไม่แบ่งเวลามาเพลย์ฮาร์ดเพื่อเติมไฟให้ยังลุกต่อ ได้ยังไงกันล่ะ
“ชีวิตไม่มีความสุขเลย” หยุดแบก...แล้วปลดล็อกเพื่อไล่ตามฝัน ด้วย 3 วิธีคิดนี้
-
ไม่หยุดค้นหาสิ่งที่ใช่
เมื่องานไม่สามารถเติมเต็มความสุขได้ ไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่ก็ดูเหมือนยังไม่ตอบโจทย์ นี่อาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าเดอะแบกควรลองทำสิ่งใหม่ๆ ลองก้าวจาก comfort zone เพื่อค้นหาว่าอะไรคือจิ๊กซอว์ที่ตามหา อย่าลืมนะ! ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไป ก็ยิ่งมีเวลาได้ทดลองน้อยลง ถึงการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องยากในวัยผู้ใหญ่ แต่นั่นคือช่วงเวลาทั้งชีวิตที่เหลือของคุณเลยนะ!!
-
มองหาข้อดีที่น่าชื่นชม
แม้ในช่วงเวลาที่ทุกข์ยากก็ยังมีข้อดี คือคงไม่มีสิ่งไหนเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น ต่อให้สภาพแวดล้อมในที่ทำงานของเดอะแบกจะน่าเบื่อซักแค่ไหน ถึงจะกำจัดมันออกไปไม่ได้...แต่เดอะแบกก็สามารถมองข้ามสิ่งนั้นได้ ในขณะเดียวกันก็มองหามุมที่น่ายินดีชื่นชม เช่น งานนี้ทำให้คุณมีทักษะที่เก่งกว่าเมื่อ 5 ปีก่อนมากแค่ไหน? หรือสามารถใช้ทักษะจากงานนี้ ไปต่อยอดความฝันในอนาคตยังไงบ้าง?
-
ปลดล็อก...ด้วยการหยุดฟังเสียงคนอื่นบ้าง
เมื่อสังคมบอกว่า อายุเท่านี้ควรมีบ้านมีรถ เพื่อนของเราก็โพสต์แต่สิ่งดีๆ บนโซเชียลมีเดีย ชาวเดอะแบกที่ฟังเสียงพูดของคนอื่นจนแทบไม่ได้ยินเสียงความต้องการของตัวเอง เลยมักรู้สึกกดดันจนกลายเป็นความทุกข์ในใจ ลองหยุดฟังเสียงรบกวนเหล่านั้น แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า นิยามความสำเร็จสำหรับคุณคืออะไร ชีวิตที่(ว่า)ดีคือแบบไหน และตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นยังไงกันแน่ เมื่อชีวิตเป็นของเรา…อย่าให้ใครมาตัดสินแทน
ไม่ว่ากำลังจะหมดไฟเพราะงานที่หนักอึ้ง หรือเพราะแบกรับค่านิยมของสังคมจนบดบังสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงเวลาที่เดอะแบกควรรีเซ็ตซะใหม่ ไม่ใช่แค่เพื่อเติมไฟให้มีพลัง แต่คุณอาจก้าวเดินต่อบนเส้นทางที่ใช่...โดยไม่ต้องทิ้งบางสิ่งไว้ข้างหลังก็ได้นะ