เลือกภาษา
close
เรื่องช็อกๆ ของสายหวาน

ที่เคยเชื่อว่าง่วงตอนบ่าย ต้องได้น้ำหวานสักแก้ว แล้วจะตื่นเลย เติมน้ำตาลให้ร่างกายสักหน่อยจะกระปรี้กระเปร่าเลย สรุปว่าเป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ!

ยิ่งไปกว่านั้น เชื่อหรือไม่ว่าในปัจจุบัน ผลสำรวจพบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยประมาณ 23 ช้อนชาต่อวัน ถือว่าเป็นปริมาณที่มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดถึงเกือบ 4 เท่า!!!

 

นั่นทำให้สถิติผู้ป่วยภาวะเบาหวานในเมืองไทยในปัจจุบันพุ่งสูงต่อเนื่องถึง 4.8 ล้านคน คาดว่าอาจสูงถึง 5.3 ล้านคนในปี 2583 และรู้หรือไม่ว่า ข้อมูลจาก สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในปี 2562 ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานมากถึงวันละ 200 คน

 

ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้เกิดเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ที่นอกเหนือจากโรคอ้วน หรือโรคเบาหวานแล้ว ยังมีผลกระทบอื่นๆ ที่เราอาจคาดไม่ถึงอีกมาก!

 

 

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินไป

  • เกิดเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เนื่องจากน้ำตาลหลายชนิดที่เรารับประทานเข้าไปมักจะเข้าไปเก็บสะสมไว้ที่ตับ ในรูปของไกลโคเจน เมื่อมีปริมาณมากจนเกินไป จะทำให้ตับส่งกรดไขมันไปตามกระแสเลือด โดยจะทำให้เข้าไปสะสมตามหน้าท้อง ก้น สะโพก หรือต้นขา จนทำให้มีรูปร่างอ้วน หรือมีไขมันส่วนเกิน จนหุ่นไม่สวยงามดั่งใจนั่นเอง

  • กระดูกพรุน ฟันไม่แข็งแรง น้ำตาลที่มีส่วนผสมของซูโครส ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีให้กับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ คราบพลัก หรือเหงือกอักเสบได้ นอกจากนี้ น้ำตาลยังทำให้ร่างกายสร้างเซลล์กระดูกน้อยลง เป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย

  • ยิ่งหิวกว่าเดิม ยิ่งเครียดกว่าเดิม แม้ว่าน้ำตาลจะช่วยลดสารคอร์ติซอลที่ทำให้เกิดความเครียดได้จริง แต่ผลลัพธ์ที่ตามมากลับจะยิ่งทำให้คุณเครียดมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน เพราะน้ำตาลจะทำให้ฮอร์โมนเลปตินลดลง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมาเมื่อรู้สึกอิ่ม เลยทำให้เรากินแล้วไม่อิ่มสักที ทีนี้ยิ่งหิว ยิ่งกิน ยิ่งอ้วน หุ่นไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว!

  • ง่วงนอน อ่อนเพลียกว่าเดิมอีก ที่เคยเชื่อมากลับตาลปัตรไปหมด เพราะการกินน้ำตาลหรืออาหารที่มีรสหวานจะทำให้การทำงานของสมองช้าลง ไม่สดชื่น ยิ่งเป็นเวลาในช่วงบ่ายด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้ง่วงนอนมากขึ้นเป็นสองเท่าเลยทีเดียว

  • ทำให้แก่เร็ว ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อร่างกายภายในเท่านั้นนะ แต่น้ำตาลยังส่งผลกระทบต่อด้านผิวพรรณหรือความงามภายนอกอีกด้วย เพราะเมื่อเรากินน้ำตาลเข้าไป มันจะเข้าไปทำลายโครงสร้างของคอลลาเจน และอีลาสตินที่อยู่ในชั้นผิว จนทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวไม่กระชับเต่งตึงดังเดิม ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นเร็วนั่นเอง

 

ลดหวาน ลดน้ำตาล ชีวิตจะดีขึ้นยังไงบ้าง?

  • ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง ทั้งโรคอ้วน โรคตับ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus) และโรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคยอดฮิตของคนไทย

  • ระบบการย่อยอาหารจะดีขึ้น เพราะอาหารที่มีน้ำตาลสูง สามารถเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ของเรา การลดน้ำตาลจึงสามารถช่วยคืนสมดุลที่ดีต่อสุขภาพของระบบย่อยอาหารได้

  • สุขภาพผิวจะดีขึ้น เพราะการมีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว และเป็นต้นตอของผิวแก่ก่อนวัย จากการวิจัยพบว่า หากเราลดการบริโภคน้ำตาล สามารถช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้นได้อย่างเห็นผลชัดเจน เรียกได้ว่าผิวเนียนใส ไร้สิว ได้ไม่ยาก

 

 

อยากลดการบริโภคน้ำตาลต้องทำยังไง?

จะเห็นว่าน้ำตาลเป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถกินน้ำตาลได้เลย เพียงแต่จะต้องเลือกกินอย่างพอดี เพื่อไม่ให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ตามมา เราเลยขอแชร์เทคนิคง่ายๆ ดังนี้

  1. ลดการปรุง หรือเติมนํ้าตาลในอาหาร หรือหากต้องการความหวานจริงๆ ลองใช้สารให้ความหวานทดแทน (หญ้าหวาน, น้ำตาลเทียม) ในปริมาณที่เหมาะสม และควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม ชานม รวมถึงน้ำผลไม้ ดื่มนํ้าเปล่าคือสิ่งที่ดีที่สุด

  2. เลือกผลไม้ที่มีรสหวานน้อย เลี่ยงผลไม้แปรรูป เช่น ผลไม้แช่อิ่ม หรือผลไม้ดอง และจำกัดปริมาณการกินผลไม้ให้เหมาะสมในแต่ละวัน เพราะผลไม้จากธรรมชาติบางอย่างก็มีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก ให้เน้นทานผักใบเขียวให้มากขึ้น จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลของร่างกาย และทำให้ควบคุมน้ำตาลให้ดีขึ้น

  3. หมั่นสังเกตปริมานน้ำตาล จากฉลากที่อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังของผลิตภัณฑ์อาหาร และควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน ซึ่งวัยทำงานอย่างเราๆ ควรบริโภคไม่เกิน 16 กรัมต่อวัน หรือเทียบได้กับน้ำตาล 4-6 ช้อนชานั่นเอง

 

เพราะเราไม่อยากให้สถิติโรคเบาหวานของคนไทยแย่ไปกว่านี้ มาลดหวานลงสักนิด เพื่อให้ชีวิตไม่ต้องเสี่ยงโรคเบาหวานตั้งแต่อายุน้อยๆ ลดโอกาสการเกิดโรคร้ายอื่นๆ ไม่ต้องเสียทั้งสุขภาพ และเสียเวลาไปกับการเข้า-ออกโรงพยาบาล

แต่ถึงจะป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็ยังอุ่นใจได้ด้วย #พรูเบาหวานเบาใจ ความคุ้มครองเพื่อคนรักความหวาน คุ้มครองครอบคลุมผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 และภาวะก่อนเบาหวาน หมดกังวล กับค่าใช้จ่าย เมื่อตรวจพบโรคแทรกซ้อน ให้คุณใช้ชีวิตได้เต็มที่ คลิกเลย! https://pruthai.life/IwB4E

 

 

#PrudentialThailand #ชีวิตมีกันทุกวันดีกว่า