
ภาวะกรดยูริกสูงอันตรายอย่างไร ควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไรบ้าง ?
สุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากอาหารการกิน เพราะอาหารแต่ละชนิดล้วนมีประโยชน์และโทษที่แตกต่างกันไป โดยในบทความนี้จะมาเจาะลึกถึงการกินที่ส่งผลทำให้เกิดภาวะ ‘กรดยูริกสูง’ ที่หลายคนอาจเคยได้ยินว่าเป็นอันตราย แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร มาหาคำตอบกันว่า หากร่างกายได้รับกรดยูริกเข้าไปในปริมาณมาก จะส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ?
ทำความรู้จัก ! กรดยูริก (Uric Acid) คืออะไร ?
กรดยูริก เกิดจากการย่อยสลายสารพิวรีน (Purine) ซึ่งพบได้ทั่วไปในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเครื่องในสัตว์ ปลาบางชนิด และถั่วบางประเภท เมื่อร่างกายย่อยสลายสารพิวรีน กรดยูริกจะถูกสร้างขึ้นและขับออกทางปัสสาวะ โดยกรดยูริก หรือ Uric Acid มีค่าปกติอยู่ที่ 3.5 - 7.2 มิลลิกรัมต่อเดซิลลิตร (mg/dL) ในผู้ชาย และ 2.6 - 6.0 มิลลิกรัมต่อเดซิลลิตร (mg/dL) ในผู้หญิง อย่างไรก็ตามกรด Uric Acid ในเลือดอาจมีค่าปกติแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ น้ำหนักตัว สุขภาพโดยรวม รวมถึงยาที่ใช้ แต่โดยปกติแล้ว ระดับกรดยูริกที่ถือว่าอยู่ในระดับสูง จะมีค่ามากกว่า 7 มิลลิกรัมต่อเดซิลลิตร
การเกิดภาวะกรดยูริกสูง อันตรายอย่างไร ?
ภาวะกรดยูริกสูงในเลือด หรือ Hyperuricemia สามารถทำให้เกิดปัญหาที่อันตรายต่อสุขภาพและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ดังนี้
เสี่ยงต่อโรคเกาต์
โรคเกาต์เป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ที่มีกรดยูริกสูง เนื่องจากเมื่อระดับกรดยูริกในเลือดสูง จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะได้ทัน จนผลึกยูเรตเริ่มก่อตัวและสะสมตามข้อต่อ จนไปกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวหลั่งสารอักเสบออกมา ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน โดยเฉพาะบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือข้อเข่า ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ข้อและเนื้อเยื่อโดยรอบอาจได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนอาจกระทบต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาวได้
ส่งผลต่อการทำงานของไต
ไตมีบทบาทสำคัญในการกำจัดกรดยูริกออกจากร่างกาย และประมาณเกือบ 70% ของกรดยูริก จะถูกขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งกรดยูริกที่สะสมในไตอาจตกตะกอนกลายเป็นผลึกที่ทำให้เกิดการอักเสบ เนื้อไตเสียหาย ส่งผลให้การทำงานของไตเสื่อมสภาพ อีกทั้งผลึกกรดยูริกยังสามารถรวมตัวกันเป็นนิ่วไตที่ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรง รวมถึงอาจไปอุดตันทางเดินปัสสาวะ จนส่งผลต่อการทำงานของไตได้โดยตรง
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
ภาวะกรดยูริกสูงอาจส่งผลให้หลอดเลือดหดตัวส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการอักเสบ ทำให้เกิดปฏิกิริยาในผนังหลอดเลือด จนไขมันและแคลเซียมเกิดการสะสมได้ง่ายขึ้น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะหลอดเลือดแข็งและความดันโลหิตสูง
หลีกเลี่ยง ! อาหารที่ควรงด ป้องกันกรดยูริกสูง
อาหารที่เรากินส่งผลต่อระดับกรดยูริกในเลือดโดยตรง การเลือกกินอย่างชาญฉลาดจึงเป็นกุญแจสำคัญในการลดระดับกรดยูริก ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดอาการข้ออักเสบเฉียบพลัน รวมถึงลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังต่าง ๆ ด้วย
-
เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ไส้ หัวใจ อุดมไปด้วยสารพิวรีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดกรดยูริก
-
เนื้อแดง เป็นแหล่งของสารพิวรีน จึงควรหลีกเลี่ยงการทานในปริมาณมากและเลือกวิธีการปรุงที่ไม่เพิ่มไขมัน เช่น ต้ม นึ่ง หรือย่าง แทนการทอด หรือผัด
-
อาหารทะเล เนื่องจากอาหารทะเลบางชนิดมีสารพิวรีนสูง เช่น กุ้ง หอย ปลาซาร์ดีน ปลาอินทรี ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงควรจำกัดการกินอาหารทะเลเหล่านี้ โดยเลือกกินปลาที่มีพิวรีนต่ำแทน เช่น ปลาดอลลี่ ปลากะพง หรือปลาเก๋า
-
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีปริมาณพิวรีนสูงจากกระบวนการหมัก อีกทั้งแอลกอฮอล์ยังออกฤทธิ์รบกวนการขับกรดยูริกออกจากร่างกายด้วย
แนะนำอาหารที่ช่วยลดกรดยูริกแบบธรรมชาติ
ดังที่กล่าวไปว่า การควบคุมระดับกรดยูริกสามารถทำได้โดยการเลือกกินอาหารที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนในปริมาณมาก เพราะจะทำให้กรดยูริกสูงแล้ว ยังมีอาหารบางชนิดที่ช่วยลดระดับกรดยูริกได้ตามธรรมชาติด้วย ได้แก่
-
กาแฟดำ ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นร่างกาย แต่ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดการอักเสบในร่างกายและอาจช่วยลดการสร้างกรดยูริกได้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของไต ทำให้ร่างกายขับถ่ายของเสียรวมถึงกรดยูริกได้ดีขึ้น
-
นมไขมันต่ำ เป็นแหล่งของโปรตีนและแคลเซียม จึงช่วยลดการดูดซึมกรดยูริกในลำไส้และเพิ่มการขับออกทางปัสสาวะ
-
ผลไม้วิตามินซีสูง ช่วยลดระดับกรดยูริกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถเพิ่มการขับกรดยูริกผ่านทางปัสสาวะ พร้อมมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวดในผู้ป่วยโรคเกาต์
-
ผักใบเขียว อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถลดการอักเสบในร่างกาย รวมถึงมีฤทธิ์เป็นด่าง ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้ขับกรดยูริกได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย ลดการดูดซึมสารพิวรีนในร่างกาย โดยผักใบเขียวที่แนะนำ ได้แก่ ผักคะน้า ผักโขม ผักกาดหอม
นอกจากการศึกษาเพื่อป้องกันให้รู้เท่าทันแล้ว ! ยังสามารถดูแลตัวเองจากโรคภัยซ่อนเร้นได้ด้วยการเลือกประกันสุขภาพที่ให้การคุ้มครองครอบคลุม และพร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลแสนแพงเมื่อเกิดปัญหาสุขภาพได้อย่างไร้กังวล ขอแนะนำประกันสุขภาพ จาก พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ที่พร้อมต่อสู้โรคภัยเคียงข้างคุณ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายตามสิทธิและเงื่อนไขของกรมธรรม์ ที่ครอบคลุมทั้งค่ายา ค่าห้อง และค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุก็พร้อมช่วยแบ่งเบาให้คุณได้อุ่นใจ สามารถรักษาได้เต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน
ข้อมูลอ้างอิง