เลือกภาษา
close
อาการโรคไข้หวัดใหญ่​
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

​โรคไข้หวัดใหญ่​​: ทุกสิ่งที่ควรรู้เพื่อการป้องกันและดูแลสุขภาพ

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมป่วยเป็นไข้หวัดทั่วไปไม่นานก็หาย แต่หากเป็น "ไข้หวัดใหญ่" ขึ้นมา กลับน็อคให้เราต้องนอนซมอยู่เป็นอาทิตย์ 

โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza คือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง บทความนี้จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกเรื่อง เพื่อให้คุณสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง 

 

สายพันธุ์โรคไข้หวัดใหญ่

ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลักที่พบบ่อยได้แก่ 

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A 

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B  

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C 

  • สายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุด 

  • มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่น

  • สามารถก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ได้  

  • มักมีการกลายพันธุ์ได้ง่าย 

  • ความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ A  

  • สามารถก่อให้เกิดอาการป่วยรุนแรงได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ 

  • พบได้น้อยกว่า 

  • มักมีอาการไม่รุนแรง 

 

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B ต่างกันอย่างไร ?

ความแตกต่างหลักคือระดับความรุนแรงของโรคและการกลายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ A มักรุนแรงกว่าและกลายพันธุ์ได้ง่ายกว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีอาการที่พบได้บ่อยคือ ไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยรุนแรง และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก ส่วนอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จะมีอาการคล้ายกันกับสายพันธุ์ A แต่จะรุนแรงน้อยกว่า 

ดังนั้นหากถามว่า "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด ?" คำตอบก็คือ "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A" นั่นเอง 

 

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อไหม ? : การแพร่กระจายและการติดต่อ

โรคไข้หวัดใหญ่ติดต่อได้ง่ายผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนเริ่มมีอาการ จนถึงประมาณ 5-7 วันหลังเริ่มมีอาการ 

กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ 

  • เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 

  • ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 

  • หญิงตั้งครรภ์ 

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน 

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง 

 

จับสัญญาณร้าย : รู้ไว้ว่านี่คืออาการไข้หวัดใหญ่ !

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะเริ่มปรากฏภายใน 1-4 วันหลังได้รับเชื้อ โดยโรคไข้หวัดใหญ่มีอาการเบื้องต้นที่พบได้บ่อย ดังนี้  

  • มีไข้สูงเฉียบพลัน (38.5-40 องศาเซลเซียส) 

  • ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง 

  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 

  • ปวดศีรษะ 

  • ไอแห้ง ๆ 

  • เจ็บคอ 

  • น้ำมูกไหล 

  • คัดจมูก 

  • หนาวสั่น 

 

อาการไข้หวัดใหญ่แบบนี้ ส่อแววอันตรายต้องรีบพบหมอด่วน !

ควรรีบพบแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้ 

  • หายใจลำบาก หรือหายใจเร็วผิดปกติ 

  • เจ็บหน้าอกรุนแรง 

  • ไข้สูงไม่ลดลงแม้ทานยาลดไข้ 

  • ซึม สับสน หรือไม่รู้สึกตัว 

  • อาเจียนรุนแรง 

  • มีอาการดีขึ้นแล้วกลับแย่ลงอีกครั้ง 

 

การรักษาและระยะเวลาของอาการจนหายดี

ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ กี่วันหาย ?

โดยทั่วไป ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 5-7 วัน  

การรักษาตามอาการ

  1. การพักผ่อน 

    • ควรนอนพักอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง 

    • หลีกเลี่ยงการออกแรงหรือทำกิจกรรมหนัก 

    • พักการทำงานหรือเรียนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ


  2. การดูแลเรื่องน้ำและอาหาร 

    • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว 

    • ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำผสมน้ำผึ้งมะนาวเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ 

    • รับประทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย และมีประโยชน์ 

    • รับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง 

  3. การใช้ยา 

    • ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล 

    • ยาแก้ปวดลดการอักเสบ 

    • ยาบรรเทาอาการคัดจมูก 

    • ยาแก้ไอตามอาการ 

การรักษาด้วยยาต้านไวรัส

แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสในกรณีต่อไปนี้ 

  • ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง 

  • ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 

  • ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยในระยะ 48 ชั่วโมงแรกของการป่วย 

ยาต้านไวรัสที่ใช้บ่อย ได้แก่ 

  • Oseltamivir (Tamiflu) 

  • Zanamivir (Relenza) 

  • Peramivir (Rapivab) 

การติดตามอาการและการฟื้นตัว

  • สังเกตอาการไข้และอาการอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด 

  • หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน ควรไปพบแพทย์ 

  • ควรพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรงก่อนกลับไปทำงานหรือเรียน 

 

การฉีดวัคซีนเป็นวิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่​

 

ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ รวมแนวทางป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี  

1. การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 

  • ควรฉีดเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อมีการกลายพันธุ์ 

  • เหมาะสำหรับทุกคนที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป 

  • ควรฉีดวัคซีนก่อนฤดูระบาดประมาณ 2-4 สัปดาห์ 

  • วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันประมาณ 60-80% 

2. การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล 

  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที 

  • ใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเมื่อไม่มีน้ำและสบู่ 

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก ปาก ด้วยมือที่ไม่สะอาด 

  • ใช้กระดาษทิชชูปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม

3. การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 

 

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ 

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 

  • หลีกเลี่ยงความเครียด 

  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

การเตรียมความพร้อมในช่วงระบาด

  • ติดตามข่าวสารและคำแนะนำจากหน่วยงานสาธารณสุข 

  • จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ 

  • วางแผนการดูแลสมาชิกในครอบครัวหากมีผู้ป่วย 

  • รู้จักสังเกตอาการผิดปกติของตนเองและคนใกล้

 

ประกันไว้ อุ่นใจกว่า ! วางแผนป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพ

 

แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่จะสามารถป้องกันและรักษาได้ แต่การเจ็บป่วยแต่ละครั้งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักหมื่นบาทเมื่อเข้ารักษาในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเอกชน เพราะต้องจ่ายทั้งค่าห้องโรงพยาบาลและค่ารักษาพยาบาล 

 

แนะนำแผนประกันสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต จะช่วยให้คุณเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ด้วยแผนประกันที่ครอบคลุมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ปรึกษาตัวแทนพรูเด็นเชียล ประกันชีวิตวันนี้ เพื่อเลือกแผนความคุ้มครองที่เหมาะกับคุณและครอบครัว 

 

ข้อมูลอ้างอิง 

  1. สภาผู้บริโภคชี้รัฐละเลยคุมราคา เกิดปัญหา รพ.เอกชน คิดค่ารักษาตามใจ 

  1. สำรวจราคาห้องพักโรงพยาบาลไหนแพงสุด 68,000 บาท/คืน