
โรคไข้หวัดใหญ่: ทุกสิ่งที่ควรรู้เพื่อการป้องกันและดูแลสุขภาพ
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมป่วยเป็นไข้หวัดทั่วไปไม่นานก็หาย แต่หากเป็น "ไข้หวัดใหญ่" ขึ้นมา กลับน็อคให้เราต้องนอนซมอยู่เป็นอาทิตย์ ?
โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza คือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง บทความนี้จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกเรื่อง เพื่อให้คุณสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง
สายพันธุ์โรคไข้หวัดใหญ่
ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลักที่พบบ่อยได้แก่
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A |
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B |
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C |
|
|
|
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B ต่างกันอย่างไร ?
ความแตกต่างหลักคือระดับความรุนแรงของโรคและการกลายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ A มักรุนแรงกว่าและกลายพันธุ์ได้ง่ายกว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีอาการที่พบได้บ่อยคือ ไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยรุนแรง และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก ส่วนอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จะมีอาการคล้ายกันกับสายพันธุ์ A แต่จะรุนแรงน้อยกว่า
ดังนั้นหากถามว่า "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด ?" คำตอบก็คือ "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A" นั่นเอง
ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อไหม ? : การแพร่กระจายและการติดต่อ
โรคไข้หวัดใหญ่ติดต่อได้ง่ายผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนเริ่มมีอาการ จนถึงประมาณ 5-7 วันหลังเริ่มมีอาการ
กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่
-
เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
-
ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
-
หญิงตั้งครรภ์
-
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน
-
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
จับสัญญาณร้าย : รู้ไว้ว่านี่คืออาการไข้หวัดใหญ่ !
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะเริ่มปรากฏภายใน 1-4 วันหลังได้รับเชื้อ โดยโรคไข้หวัดใหญ่มีอาการเบื้องต้นที่พบได้บ่อย ดังนี้
-
มีไข้สูงเฉียบพลัน (38.5-40 องศาเซลเซียส)
-
ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง
-
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
-
ปวดศีรษะ
-
ไอแห้ง ๆ
-
เจ็บคอ
-
น้ำมูกไหล
-
คัดจมูก
-
หนาวสั่น
อาการไข้หวัดใหญ่แบบนี้ ส่อแววอันตรายต้องรีบพบหมอด่วน !
ควรรีบพบแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้
-
หายใจลำบาก หรือหายใจเร็วผิดปกติ
-
เจ็บหน้าอกรุนแรง
-
ไข้สูงไม่ลดลงแม้ทานยาลดไข้
-
ซึม สับสน หรือไม่รู้สึกตัว
-
อาเจียนรุนแรง
-
มีอาการดีขึ้นแล้วกลับแย่ลงอีกครั้ง
การรักษาและระยะเวลาของอาการจนหายดี
ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ กี่วันหาย ?
โดยทั่วไป ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 5-7 วัน
การรักษาตามอาการ
-
การพักผ่อน
-
ควรนอนพักอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง
-
หลีกเลี่ยงการออกแรงหรือทำกิจกรรมหนัก
-
พักการทำงานหรือเรียนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
-
-
การดูแลเรื่องน้ำและอาหาร
-
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
-
ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำผสมน้ำผึ้งมะนาวเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
-
รับประทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย และมีประโยชน์
-
รับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
-
-
การใช้ยา
-
ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล
-
ยาแก้ปวดลดการอักเสบ
-
ยาบรรเทาอาการคัดจมูก
-
ยาแก้ไอตามอาการ
-
การรักษาด้วยยาต้านไวรัส
แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสในกรณีต่อไปนี้
-
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
-
ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
-
ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยในระยะ 48 ชั่วโมงแรกของการป่วย
ยาต้านไวรัสที่ใช้บ่อย ได้แก่
-
Oseltamivir (Tamiflu)
-
Zanamivir (Relenza)
-
Peramivir (Rapivab)
การติดตามอาการและการฟื้นตัว
-
สังเกตอาการไข้และอาการอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด
-
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน ควรไปพบแพทย์
-
ควรพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรงก่อนกลับไปทำงานหรือเรียน
ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ รวมแนวทางป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี
1. การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
|
2. การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
|
3. การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
|
การเตรียมความพร้อมในช่วงระบาด
-
ติดตามข่าวสารและคำแนะนำจากหน่วยงานสาธารณสุข
-
จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์
-
วางแผนการดูแลสมาชิกในครอบครัวหากมีผู้ป่วย
-
รู้จักสังเกตอาการผิดปกติของตนเองและคนใกล้
ประกันไว้ อุ่นใจกว่า ! วางแผนป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพ
แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่จะสามารถป้องกันและรักษาได้ แต่การเจ็บป่วยแต่ละครั้งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักหมื่นบาทเมื่อเข้ารักษาในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเอกชน เพราะต้องจ่ายทั้งค่าห้องโรงพยาบาลและค่ารักษาพยาบาล
แนะนำแผนประกันสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต
การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต จะช่วยให้คุณเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ด้วยแผนประกันที่ครอบคลุมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ปรึกษาตัวแทนพรูเด็นเชียล ประกันชีวิตวันนี้ เพื่อเลือกแผนความคุ้มครองที่เหมาะกับคุณและครอบครัว
ข้อมูลอ้างอิง